ถาม : การที่เราอยู่กับตัวเองที่เป็นการอยู่ในอรูปฌาน กับการที่เรากระทบกับกิเลส แล้วเราก็มุดเข้าอรูปฌาน เป็นการติดในอรูปฌานไหมคะ ?
ตอบ : เป็นการรู้จักใช้งานในอรูปฌานมากกว่า ไม่อย่างนั้นฝึกมาก็จะเสียเวลาเปล่า เพียงแต่ว่า การใช้งานนั้น เราจะต้องมีสติระลึกรู้อยู่เสมอว่า สิ่งนี้ไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริงของเรา เพียงช่วยในการสกัดกั้นกระแสกิเลสให้กับเราชั่วคราวเท่านั้น และท้ายสุดเราจะต้องเอากำลังของรูปฌานหรืออรูปฌานนี้ เป็นบันไดก้าวล่วงไปสู่ในสิ่งที่ดีกว่า ก็คือพระนิพพาน
แรก ๆ เราก็ใช้หนีกิเลสก่อน เพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้ จึงต้องอาศัยใส่เกราะไว้ ก็คือ ใช้รูปฌานและอรูปฌานนี่แหละ เป็นเกราะในการป้องกันตัวเอง หลังจากที่มีความชำนาญมากขึ้น เราสามารถที่จะพลิกแพลงใช้ได้ตามใจปรารถนาแล้ว เราก็สามารถที่จะเอากำลังตรงนี้ มาใช้ในการพิจารณาตัดกิเลส เพื่อการล่วงพ้นอย่างแท้จริง
ถาม : ต้องรอเวลาที่เหมาะสม จึงจะพลิกจากดีเป็น..?
ตอบ : ใช่..แต่ถ้าเราขาดสติเมื่อไร ก็จะกลายเป็นยึดติดแล้วกลายเป็นรูปราคะ อรูปราคะ ในสังโยชน์ไปทันที
ถาม : แต่ถ้าเรามัวเพลินกับการมุดอยู่แต่ในนั้น
ตอบ : โผล่ออกมาเสียบ้าง โดนกิเลสตีให้หัวร้างคางแตก รักษาแผลบ่อย ๆ เดี๋ยวก็จะชำนาญไปเอง
ถาม : แต่การปฏิบัติก็ต้องรอให้ทาน ศีล ภาวนา เกิดกำลังพอจึงจะมีกำลังในการตัดกิเลส การที่เราจมอยู่ในอรูปฌานก็คือการสั่งสมกำลังของเราไม่ใช่หรือคะ ?
ตอบ : จะเรียกว่าเป็นการสั่งสมกำลังก็ใช่ แต่ขณะเดียวกัน เราอาจจะเพลิดเพลินจนติดอยู่กับฌานนั้นเลยก็ได้
ถาม : มีข้อเสียอะไรบ้างคะ ?
ตอบ : ถ้าเพลิดเพลินกับฌานก็จะติดอยู่แค่นั้น ไปต่อไม่ได้ แล้วเราก็ไม่รู้ว่า จะต้องเกิดมาทุกข์เพราะการติดอยู่ตรงนี้อีกนานเท่าไร
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-01-2011 เมื่อ 21:46
|