ดูแบบคำตอบเดียว
  #102  
เก่า 25-01-2011, 15:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,543 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ถ้ายังไม่ถึงขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ อย่าเพิ่งถือว่าเป็นปีเถาะนะจ๊ะ ยังเป็นปีขาลอยู่ เด็กที่เกิดก่อนวันขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๕ จะใช้ปีขาล ถ้าหลังขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ไปแล้ว ถึงจะเป็นปีเถาะ

พวกเราพอเห็นขึ้น พ.ศ.ใหม่ เราก็คิดว่าเป็นปีเถาะไปแล้ว ไม่ใช่หรอกจ้ะ...ถ้าไปให้หมอดูดวงก็จะผิดไปคนละโลกเลย เราต้องรู้ว่าโบราณเขาเปลี่ยนปีกันช่วงไหน โบราณเขาเปลี่ยนปีกันช่วงเดือน ๕ โดยเฉพาะถ้าขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๕ ถือว่าเป็นปีใหม่

แต่มาระยะหลังเขาเห็นว่า ๑๕ ค่ำเดือน ๕ ของแต่ละปีไม่ตรงกัน เขาก็เลยกำหนดให้วันที่ ๑๓ เมษายน วันสงกรานต์เป็นวันปีใหม่ไปเลย ก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนปี แต่ทางโหราศาสตร์ก็ยังใช้วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ เป็นวันเปลี่ยนปีอยู่ ดังนั้น..ใครเกิดแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ถือว่าเป็นปลายปีขาล พอขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ก็เป็นต้นปีเถาะ

บางคนเกิดคนละ พ.ศ. แต่ทำไมเกิดปีเดียวกัน ? อย่างคนหนึ่งเกิดปลายปี ๕๓ และอีกคนหนึ่งมาเกิดต้นปี ๕๔ ยังไม่ถึงวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ก็ยังเป็นปลายปีขาลอยู่ทั้งคู่ ไม่อย่างนั้นเวลาดูหมอ จะดูผิด ทำนายได้ไม่แม่น เพราะเราไปบอกปีเกิดให้ผิด ๆ


อีกประการหนึ่ง โบราณถือว่า ต้องได้อรุณ คือ แสงเงินแสงทองขึ้นแล้ว จึงจะนับเป็นวันใหม่ ไม่ใช่หลัง ๒๔ นาฬิกาแล้วเป็นวันใหม่นะ นั่นเป็นหลักสากล ไม่ใช่หลักโหราศาสตร์ ดังนั้น..ถ้าเราแจ้งกับทางด้านหมอดู ต้องบอกเวลาเกิดให้ชัด ๆ ไปเลย เขาจะได้รู้ว่าควรจะเป็นวันเก่าหรือวันใหม่

บางคนเกิดตีหนึ่งของวันพุธ เราจะไปนับว่าเป็นวันพฤหัสบดี ถือว่ายังไม่ใช่ ยังเป็นวันพุธอยู่ จนกว่าจะได้อรุณ คือพระออกบิณฑบาต เขาจึงนับเป็นวันพฤหัสบดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-01-2011 เมื่อ 19:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา