แต่กับพวกเราแล้ว อาตมาก็ฟันธงเลยว่า บุคคลรุ่นหลังของมหายานสามารถที่จะไปเห็นได้ แต่สิ่งพระพุทธเจ้าสอนเราไว้ในสีสปาสูตร ก็คือใบประดู่กำมือเดียว เป็นสิ่งที่ยังประโยชน์สุขในปัจจุบัน ประโยชน์สุขในอนาคต และประโยชน์สุขสูงสุด คือช่วยพ้นจากความทุกข์ไปพระนิพพานได้ ส่วนไหนที่ทำให้เนิ่นช้าพระองค์ท่านไม่สอน
แต่ท่านรุ่นหลังที่ได้ทิพจักขุญาณ แล้วไปเห็นสายพระโพธิสัตว์ว่าดี จึงนำคำสอนนี้มาสอน กลายเป็นสอนสิ่งที่เนิ่นช้า เพราะยังต้องเกิดอีกนับไม่ถ้วน ในเมื่อเป็นอย่างนี้ คำสอนที่แตกมาในรุ่นหลัง จึงไม่ใช่สัทธรรมเทศนาที่บริสุทธิ์ หากแต่เป็นสิ่งที่เกจิอาจารย์ทั้งหลายไปพบเห็นมา แล้วก็นำเอามาจารึกเอาไว้ กลายเป็นคัมภีร์ให้คนรุ่นหลังเขาศึกษาตามกัน กลายเป็นนิกายนั้นบ้าง นิกายนี้บ้างขึ้นมา
ถามว่าปฏิบัติตามของเขาแล้วมีผลไหม ? มี..แต่ช้าจนบอกไม่ถูก เพราะฉะนั้น..ในปรัชญาปารมิตาสูตรเขากล่าวถึงการสร้างบารมีสิบอย่างเหมือนกัน แต่ตอนท้าย ๆ นั้นไม่เหมือนกับของเถรวาท
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 29-01-2011 เมื่อ 03:32
|