"ด้วยความอยากรู้จริง ๆ อทินนกปุพพกพราหมณ์จอมตระหนี่ จึงยอมลงทุนเลี้ยงภัตตาหารพระพุทธเจ้าพร้อมกับพระภิกษุ ๕๐๐ รูป เมื่อเลี้ยงภัตตาหารเสร็จเรียบร้อย อทินนกปุพพกพราหมณ์จึงเข้าไปกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า "ข้าแต่พระสมณโคดมผู้เจริญ บุคคลที่ไม่เคยสร้างคุณความดีอะไรมาก่อนเลย เพียงนึกถึงแต่พระนามของพระองค์ เมื่อตายแล้วไปสวรรค์ มีอยู่บ้างหรือไม่ ?"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "พรามหณะ..ดูก่อนพราหมณ์ บุคคลที่ไม่เคยสร้างความดีอื่นใดเลย นอกจากนึกถึงนามของตถาคต เมื่อตายแล้วได้ไปสุคติโลกสวรรค์นั้น ไม่ได้มีแค่ร้อยแค่พัน หากแต่มีเป็นโกฏิ" แล้วท่านก็ตรัสว่า "พราหมณ์ก็ได้เจอลูกชายของท่านเองมาแล้วไม่ใช่หรือ ? "
อทินนกปุพพกพราหมณ์ก็ยอมรับ พระพุทธเจ้าจึงเรียกมัฏฐกุณฑลีเทพบุตรพร้อมกับวิมานทองคำมาเป็นเครื่องยืนยัน อทินนกปุพพกพราหมณ์เกิดความเลื่อมใส จึงปวารณาตนนับถือพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต
มีอยู่ประเด็นหนึ่งก็คือ มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรทำชั่วมาตลอดชีวิต แล้วอานิสงส์อะไร ที่ทำให้พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดในวินาทีสุดท้าย ? ตรงจุดนี้ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวถึง อรรถกถาก็ไม่ได้กล่าวไว้ แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถามตรงต่อพระ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในอดีตมัฏฐกุณฑลีเทพบุตรเคยสร้างพระพุทธรูปเอาไว้ อานิสงส์ในการสร้างพระพุทธรูปในอดีตตามมาทันในชาตินี้ ในวินาทีสุดท้ายพอดี
ดังนั้น..พวกเราที่ตั้งใจร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมกับคณะของคุณหมอนพพรหรือท่านอาจารย์สมปอง ถ้าเป็นนิสัยของอาตมาก่อนนี้ก็จะอธิษฐานว่า "ก่อนตายขอให้พระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ อย่าได้คลาดเคลื่อนไปจากใจของข้าพเจ้าเลย" อธิษฐานเผื่อเหนียวไว้ก่อน เกิดอยู่ ๆ ก่อนตายภาพสาวสวย ๆ โผล่มา คงจะได้เกาะผิดที่ จึงต้องใช้วิธีอธิษฐานขออย่าให้ภาพพระเคลื่อนไปจากใจ ตรงนี้อนุญาตให้ทุกคนเลียนแบบได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2011 เมื่อ 16:13
|