ถาม : ฆราวาสอย่างเรา ถ้าจิตก่อนตายเกาะพระนิพพานได้ จะได้ไปนิพพานไหมครับ ?
ตอบ : เกาะพระนิพพานได้ก็ไม่ไปที่อื่นแล้ว
ถาม : แล้วคนที่ไปนิพพานได้ บารมีต้องพอไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่พอจะไปได้อย่างไร ? จำไว้ว่า เกาะดีหรือเกาะชั่วก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น วาระสุดท้ายจริง ๆ แล้วจะไม่เกาะอะไรเลย แต่พระนิพพานเต็มอยู่ในใจของตัวเอง เคยบอกว่า เป็นนกอยู่บนฟ้าแล้วอธิบายให้ปลาในน้ำฟัง ว่านกบินข้างบนเป็นอย่างไร ปลาก็คงไม่รู้เรื่องหรอก..!
ให้รู้ไว้ว่า อันดับแรกให้เกาะความดีก่อน เพราะว่าความดีจะเป็นกำลังส่งให้เราหลุดพ้นไปพระนิพพานได้ แต่พอทำไป ๆ ท้ายสุดแม้แต่ดีก็ไม่เกาะ
ถามว่าในเมื่อไม่เกาะแล้วจะไปนิพพานได้อย่างไร ? ก็เพราะว่าเวลานั้น วาระนั้น คำว่าพระนิพพานจะเต็มอยู่ในใจของเราเอง ไม่ว่าเราจะอยู่ตรงจุดไหนก็รู้ว่านี่คือพระนิพพาน ก้าวไปถึงตรงไหนก็รู้ว่าพระนิพพานอยู่ตรงนั้น
ถาม : คนประเภทนี้ผมเจอเยอะ คนที่ได้มโนมยิทธิ...
ตอบ : อาตมาก็เจอมาเยอะ ๙๙ เปอร์เซ็นต์เพี้ยนหมด..!
ถาม : ผมเลยไปถามหลวงปู่ท่อนว่า มโนมยิทธิเป็นอย่างไรครับ ? หลวงปู่ท่อนบอกว่า ให้จิตอยู่กับตัวเรา อย่าไปสนใจใคร เดี๋ยวจะเป็นนิมิตหลอกเสียเปล่า ๆ
ตอบ : ส่วนใหญ่จะโดนหลอกไปสัก ๙๙ เปอร์เซ็นต์..!
ถาม : จุดประสงค์จริง ๆ ก็คือให้เกาะพระนิพพานใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ทำอะไรก็ได้ให้กิเลสกินใจเราไม่ได้ ในเมื่ออยู่กับความปราศจากกิเลสของพระนิพพานไปนาน ๆ ท้ายสุดสภาพจิตที่ชินกับการหมดกิเลส ก็จะรับอารมณ์ชินนั้นมาเป็นของตนเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2011 เมื่อ 16:42
|