พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการเมืองการปกครอง เราจะเห็นได้ว่า ระบอบต่าง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับคน ต่อให้ระบอบดีขนาดไหนก็ตาม ถ้าหากว่าคนมีความดีไม่เพียงพอ ระบอบก็เละจนได้ พระพุทธเจ้าจึงไม่ได้สรรเสริญเลยว่าระบอบการปกครองแบบไหนดี แต่พระองค์ท่านมอบหลักธรรมให้สำหรับแต่ละระบอบว่า ถ้าปกครองในลักษณะไหน ต้องใช้ธรรมอย่างไรไปกำกับถึงจะดี
ถ้าเป็นระบอบกษัตริย์ต้องมีทศพิศราชธรรม ถ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิก็ต้องมีจักรวรรดิวัตร ถ้าเป็นสามัคคีธรรมหรือสมัยนี้เรียกว่าประชาธิปไตย ต้องมีอปริหานิยธรรม เพราะฉะนั้น..ในการปกครองต่าง ๆ ถ้าขาดธรรมาธิปไตย ก็ไปไม่รอดสักราย แต่เราจะบอกว่าอัตตาธิปไตย ถือตนเป็นใหญ่ไม่ดีได้ไหม ? ไม่ได้หรอก
อย่างสมัยรัชกาลที่ ๕ บ้านเมืองเราเจริญอย่างมาก นั่นเผด็จการเต็มขั้นเลยนะ อัตตาธิปไตยชัด ๆ แล้วโลกาธิปไตย ถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่ หรือประชาธิปไตยอย่างในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ? ก็แค่พวกมากลากไป ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นการปกครองแบบไหน ถ้าไม่มีหลักธรรมกำกับ ของดี ๆ ก็พาให้เละจนได้
พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกหรอกว่าระบอบการปกครองไหนดีล้วน ๆ ควรให้ปฏิบัติตาม เพราะรู้อยู่ว่าขึ้นอยู่กับคน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2011 เมื่อ 18:57
|