ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 28-03-2011, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,282 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..การที่เราจะพ้นจากความเมาเสียได้ ก็ต้องปฏิบัติตรงอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา โดยอาศัยอิทธิบาท ๔ เป็นเครื่องช่วย ก็คือ เมื่อยินดีพอใจที่จะปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นแล้ว ก็พากเพียรพยายามทำให้เต็มที่ มีจิตใจแน่วแน่ต่อเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง และท้ายสุด คอยทบทวนอยู่เสมอว่าเราปฏิบัติไปถึงไหนแล้ว

ศัพท์ที่สองที่แสดงออกซึ่งความสิ้นกิเลสนั้น ท่านเรียกว่า วฏฺฏููปจฺเฉโท แปลว่า ตัดขาดซึ่งวัฏฏะ คำว่า วัฏฏะหรือการหมุนวนนั้น ประกอบไปด้วย กิเลสวัฏฏ์ กรรมวัฏฏ์ วิปากวัฏฏ์

กิเลสวัฏฏ์ ก็คืออำนาจของกิเลส ซึ่งทำให้เราจะต้องหมุนวน เกิดอยู่ไม่รู้จบ เนื่องจากว่าบังคับให้เรากระทำตามกิเลส กลายเป็นกรรมวัฏฏ์ ก็คือ วัฏสงสารที่หมุนวนเพราะการกระทำของเรา และเมื่อกระทำแล้วก็กลายเป็นวิปากวัฏฏ์ คือการส่งผลของกรรมนั้น ทำให้เกิดการหมุนวนต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด

ถ้าหากว่าสามารถตัดขาดซึ่งวัฏฏะ ก็คือการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่รู้จบ เขาก็จะใช้คำแทนว่า วฏฺฏูปจฺเฉโท คือบุคคลที่ตัดขาดซึ่งวัฏฏะเสียได้

คำต่อไปที่แสดงออกซึ่งความสิ้นกิเลสในจิตในใจนั้น บาลีว่า อาลยสมุคฆาโต แปลว่า ถอนเสียซึ่งความอาลัย ซึ่งเมื่อครู่ได้บอกให้พวกเราดูว่า จิตใจยังมีความห่วงใย มีความอาลัยอาวรณ์ต่อสิ่งต่าง ๆ อยู่หรือไม่ ? ถ้ายังมีอยู่ก็แปลว่า เรายังไม่สามารถที่จะถอดถอนให้เด็ดขาดได้

ก็ต้องเร่งปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญาให้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้มีกำลัง มีปัญญา เห็นช่องทาง สามารถถอนตัวออกจากหล่มแห่งวัฏสงสารนี้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 03:20
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา