"ถ้าเราอ่านพุทธประวัติในช่วงพรรษาที่ ๗ ที่นายคัณฑะนำผลมะม่วงมาถวายพระพุทธเจ้า ความจริงนายคัณฑะเป็นนายอุทยานอยู่ ปลูกผลมะม่วงแล้วออกลูกสุกเหลืองอร่าม มีหน้าที่ต้องเก็บไปถวายพระราชา แต่นึกขึ้นมาได้ว่า ถวายพระพุทธเจ้าได้บุญมากกว่า จึงตัดสินใจนำไปถวายพระพุทธเจ้า ถ้าพระราชาจะประหารชีวิตเราก็ยอม
พอพระพุทธเจ้าเสวยผลมะม่วงแล้ว จึงสั่งให้นายคัณฑะขุดหลุม หย่อนเม็ดมะม่วงลง กลบดิน เอาน้ำล้างพระหัตถ์รดลง พอรดด้วยน้ำล้างพระหัตถ์เท่านั้น ก็งอกขึ้นมากลายเป็นต้นมะม่วงโตทันทีเลย เพราะพระองค์ท่านบอกว่า จะแสดงยมกปาฏิหาริย์ที่ต้นมะม่วง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า วิชาเหล่านี้ทางด้านศาสนาอื่น ๆ เขาทำกันได้เป็นปกติ เรียกว่า ตัชชารีวิชา ถ้าหากว่าเป็นเราสมัยนี้เรียกว่า "เล่นกล" แต่ของพระองค์ท่านนั้นเกิดด้วยบุญญาบารมีจริง ๆ
คนสมัยก่อนทำได้เป็นปกติ จนกระทั่งทุกวันนี้ แขกก็เล่นกลหลอกเราเป็นปกติ ตัชชารีวิชาจัดเป็นมายาการอย่างหนึ่ง มายาการนี่จะต้องประเภทหลอกชาวบ้านเขาได้ ไม่อย่างนั้นหากินไม่ได้หรอก
ความมหัศจรรย์ประการที่ ๕ ก็คือ ถ้าหากว่าพระนางเสด็จไปที่ไหนก็ตาม แม้กระทั่งขึ้นไปบนยอดเขาที่ไม่มีน้ำ ถ้ากระหายน้ำขึ้นมา ท่านบอกว่าก็จะมีน้ำผุดขึ้นมาโตเท่าลำตาล จะเสวยหรือจะสระสรงอย่างไรก็ได้
ให้เราสังเกตว่า เนื้อหาเหล่านี้ต่อเนื่องกันมาในลักษณะเดียวกัน ก็คือ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ที่เกิดขึ้นจากบารมีที่พระองค์ท่านสั่งสมมา จนกระทั่งเหมาะสมที่จะเป็นพระพุทธมารดา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 21-04-2011 เมื่อ 03:05
|