ครั้งหนึ่งเคยนั่งอันดับเพื่อจะบวชพระที่วัดท่าขนุน ก่อนที่นาคจะเข้าโบสถ์ก็ต้องมีการเวียนรอบอุโบสถ บรรดาญาติโยมเจ้าภาพก็ต่างโห่ร้อง เต้นแร้งเต้นกาตามภาษา
พระอาจารย์หันมาอมยิ้มแล้วบอกว่า "ไม่รู้ว่าคุณเห็นเหมือนผมหรือเปล่า? ผมมองพวกคนเหล่านั้นที่เต้น ๆ กันอยู่ เหมือนกับส้วมในสมัยก่อนที่ยังไม่มีคอห่าน เวลาถ่ายก็เล็งให้ตรงร่องแล้วก็ว่ากันให้จบ เมื่อมองลงไปก็จะเห็นหนอนยั้วเยี้ยไปหมด ไม่ต่างอะไรกับคนเหล่านี้เลย
เรามองในมุมที่สูงกว่าจึงเห็นได้อย่างนี้ แต่คนเหล่านั้นกลับมองไม่เห็น เหมือนกับหมู่หนอนที่รื่นเริงอยู่ในอาจม แล้วก็คิดว่าโลกเรานั้นเป็นดินแดนแห่งความสุขที่สุดแล้ว" ขณะนั้นอาตมาก็เห็นจริงอย่างที่ท่านว่าจริง ๆ และรู้สึกว่าเราโชคดีที่มีครูบาอาจารย์ที่แสนประเสริฐคอยชี้นำหนทางให้เสมอ
ในเวลาทุกข์ ในเวลาที่เราเดือดร้อน ท่านจะคอยแนะนำและเป็นกำลังใจให้เสมอ อาตมาคิดต่อทันทีว่า แล้วเราจะทำอะไรเพื่อท่านได้บ้าง? ใจก็ตอบทันทีว่า เราจะต้องทำให้ท่านเหนื่อยน้อยที่สุด พยายามทำตัวเองให้เป็นที่พึ่งของตัวเองให้มากที่สุด อาจารย์จะได้ไม่ต้องเหนื่อยกับเรา ถือว่าเป็นการแบ่งเบาและเป็นการตอบแทนคุณท่านด้วย
ทุกวันนี้ก็พยายามอยู่ และก็ต้องขอเป็นกำลังใจให้กับญาติโยมพุทธบริษัททุกท่านที่มีความปรารถนาจะหลุดพ้นเหมือน ๆ กัน โดยไม่ต้องมาเวียนตายเวียนเกิดบนโลกที่เหมือนกองอาจมใบนี้อีก
พระเมตตา
๗ มิถุนายน ๒๕๔๙
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2011 เมื่อ 03:14
|