พระอาจารย์เล่าว่า "บุคคลที่เป็นเจ้าอาวาสใหม่ อย่างไรเสียก็ต้องบวงสรวงบอกกล่าวเจ้าที่ท่านให้ดี จะให้ท่านช่วยเหลือในเรื่องอะไรบ้างบอกไปให้ชัดเจน สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านขอกับเจ้าที่ไว้ว่า ถ้างานกฐินยังไม่เสร็จ ขอน้ำอย่าได้ท่วมวัด ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะเดือดร้อนเพราะมาทำบุญไม่ได้ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ
ตอนปีพ.ศ. ๒๕๒๖ อาตมาก็ไปช่วยงานหลวงพ่ออยู่ เป็นงานกฐินนี่แหละ พอถึงเวลางานกฐินเสร็จเรียบร้อยก็กลับมานอนแผ่ เพราะตอนนั้นศาลา ๒ ไร่ ยังสร้างไม่ทันจะเสร็จดี หลวงพ่อท่านพยายามช่วยโยมโดยการปูเสื่อ แต่ช่วยอะไรไม่ได้เลยเพราะว่าพื้นปูนเพิ่งจะเทเสร็จใหม่ ๆ แล้วช่างเอาฝุ่นปูนซัดเพื่อให้แห้งเร็ว ทำให้มีฝุ่นปูนทั้งศาลา พอปูเสื่อไป เสื่อก็ดูดเอาฝุ่นปูนขึ้นมาหมด กว่าจะทำความสะอาดเสร็จก็นอนแผ่หมดแรง
อาตมาไปนอนอยู่ที่ศาลาธรรมสถิตย์ สักพักได้ยินเสียงหลวงพ่อเอาไม้เท้าฟาดประตูปัง ๆ ตะโกนว่า "เฮ้ย ๆ ลุกเร็ว รีบเก็บเสื่อ เดี๋ยวไม่ทัน" อาตมาก็อะไรหว่า ? ยังงัวเงียอยู่ แต่หลวงพ่อสั่งก็รีบม้วนเสื่อที่นอนอยู่ แล้วคว้าเป้ขึ้นไหล่ พอหันออกมา น้ำมาถึงข้อเท้าแล้ว..!
ตอนช่วงเช้าที่มีงานกฐิน อาตมาก็เห็นว่าน้ำล้นผ่านถนนแล้วนะ แต่ไม่เข้าประตูวัดเพราะว่าท่านตกลงกับเทวดาไว้อย่างนั้น ว่าก่อนกฐินอย่างไรก็ห้ามท่วม ญาติโยมทำบุญเสร็จสรรพแล้วค่อยท่วม เห็นคาตาเลยว่าทั้งที่น้ำไหลข้ามถนนหน้าวัดซึ่งสูงกว่าประตูวัดมาก แต่ไม่เข้าวัด..! ขณะเดียวกัน พอกฐินเสร็จ คนพ้นวัด เพิ่งจะเก็บข้าวของเสร็จ ไม่ทันจะชำระสะสางส่วนอื่นเลย หลวงพ่อบอกให้ม้วนเสื่อ เดี๋ยวไม่ทัน พอคว้าเป้ขึ้นไหล่ได้ ก็เห็นว่าน้ำมาครึ่งแข้งแล้ว..!
อาตมาติดนิสัยทหารมา นิสัยทหารนี่อยู่ที่ไหนต้องเก็บข้าวของให้เรียบร้อย เพราะว่าถ้าข้าศึกโจมตีกะทันหันจะได้เผ่นทัน ข้าวของจะได้ไม่ลืม ก็เลยเก็บของเข้ากระเป๋าเดียวอยู่ตลอด"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2011 เมื่อ 16:40
|