"อาตมาอยากจะยกตัวอย่างท่านหนึ่งก็คือหลวงปู่พูล วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ท่านมรณภาพไปแล้ว สมัยหลวงปู่พูลเริ่มพรรษามาก นครปฐมยุคนั้นเต็มไปด้วยเกจิอาจารย์ทั้งจังหวัดเลย ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ฯลฯ
พอสิ้นรุ่นนั้นไปแล้วก็ยังมีหลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม กว่าที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะสิ้นหมด หลวงปู่พูลจึงได้โผล่ขึ้นมามีชื่อเสียงตอนอายุ ๙๐ แต่ว่าช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ที่ท่านมีชื่อเสียงอยู่นั้น กลายเป็นอมตะเถราจารย์ในดวงใจของบุคคลไปเลย แม้กระทั่งมรณภาพไปแล้ว ตัวเลขทุกอย่างที่เกี่ยวโยงกับท่านออกเป็นหวยหมด เจ้ามือเจ๊ง แต่ลูกศิษย์รวยอื้อไปตาม ๆ กัน
นั่นเราจะเห็นว่าท่านไม่ได้ไปดิ้นรนไขว่คว้า ท่านยินดีในความสมถะ สันโดษ มักน้อยเป็นปกติ เคยทำความดีอย่างไร ท่านก็ทำความดีอย่างนั้นไปตามปกติ คนเขาเห็น เพียงแต่ว่าท่านที่เขาเด่นกว่ามีอยู่ คนก็ไปหาท่านนั้นก่อน แต่พอสิ่งที่เด่นกว่าทั้งหมดได้สิ้นไปแล้ว ท่านกลายเป็นเด่นที่สุด แล้วคนก็ไปหาท่านเอง เพราะฉะนั้น..ไม่จำเป็นต้องไปชิงดีชิงเด่นกับใคร อะไรที่เป็นของเรา พอถึงเวลาแล้วก็มาเอง ต่อให้ปฏิเสธให้ตายก็มา"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2014 เมื่อ 00:37
|