กฎของกรรมย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด
กฎของกรรมย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด
๑. กฎของกรรมนั้นเที่ยงเสมอและให้ผลไม่ผิดตัวด้วย แม้แต่กรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังตามมาให้ผล เช่น พระโมคคัลลานะถูกโจรทุบจนร่างกายแหลกเหลว ก่อนจะเหาะไปลาพระพุทธเจ้าเข้าสู่พระนิพพาน และเรื่องของสมเด็จองค์ปัจจุบันที่ทรงตรัส ว่าเรื่องกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ คือ เรื่องน้ำขุ่น-น้ำใสก่อนจะเข้าสู่ปรินิพพาน ก็ยังตามมาให้ผลกับพระองค์ เป็นต้น
๒. หลังจากที่ท่านฤๅษีทิ้งขันธ์ ๕ ไปสู่พระนิพพานแล้ว เรื่องพระภิกษุสงฆ์ภายในวัดก็ปั่นป่วนมาก บ้างสึกภายใน ๗ วัน บ้างจะสึก บ้างจะย้ายออกนอกวัด บ้างพาคนไปทัวร์นอกวัดบ่อย ๆ เป็นต้น ล้วนเป็นกฎของกรรมทั้งสิ้น ให้กำหนดจิตรู้ว่าเป็นไฟที่เผาผลาญนำความทุกข์ให้เกิดแก่จิต หากละวางได้ในปฏิปทาของคนอื่น จิตก็จักไม่รุ่มร้อนไปด้วยไฟปฏิฆะ เพราะไปรับรู้เรื่องที่ไม่ใช่ของดี ไม่ใช่พระธรรม ไม่ใช่พระวินัย จิตไปเกาะอยู่ตามนั้น จึงได้ชื่อว่าเป็นของร้อน
๓. นี่เพราะเจริญศีลไม่ถึงขั้นที่ ๓ ไปยินดีด้วยในกรรมชั่วของผู้อื่น จิตจึงไม่มีอุเบกขาเพียงพอ ความเยือกเย็นของจิตจึงยังมีกำลังไม่เพียงพอ ไปทุกข์ไปร้อนกับพฤติการณ์ละเมิดศีล ละเมิดธรรมของคนอื่นเข้า เขาเรียกว่าพรหมวิหาร ๔ ยังไม่เต็มจิต เพราะฉะนั้น จงหมั่นเจริญพรหมวิหาร ๔ ด้วยการเจริญศีล รักษาศีลให้ได้ครบทั้ง ๓ ขั้น เพราะศีลเป็นตัวปฏิบัติ พรหมวิหาร ๔ เป็นผล เป็นตัวคุมให้ศีลเต็มได้ถึง ๓ ขั้น จงอย่าละเลยจุดนี้ เพราะจุดนี้สำคัญมาก สัมมาทิฏฐิ-สัมมาสมาธิเกิดได้ตรงศีลบริสุทธิ์ อันเป็นเหตุให้เกิดปัญญาบริสุทธิ์ด้วย
|