ดูแบบคำตอบเดียว
  #89  
เก่า 27-11-2011, 18:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,029 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนยังเป็นฆราวาสอยู่ อาตมาเอากฐินไปทอดที่วัดใหม่ศรีสุพรรณ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ได้เงินกฐินสามหมื่นกว่าบาท แต่ทางเขาต้อนรับคณะกฐินของเราอย่างต่ำก็สามหมื่นบาท ตกลงแล้วเขาจะเหลืออะไร ?

เงินสามหมื่นกว่าบาทช่วงนั้นถือว่ายังเยอะอยู่ เพราะว่าตอนนั้นทองคำบาทละสองพัน เขาต้อนรับคณะของอาตมาด้วยการเลี้ยงขันโตก มีฟ้อนเล็บ มีลอยโคม มีภาพยนตร์

คนเหนือมีอัธยาศัยดีมาก ๆ พอคณะของเราไปถึงเขาก็ลงขันโตกทันที มีสาวจากคุ้มต่าง ๆ ใกล้บ้านมาต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง จะมานั่งประกบกันเลย ที่ขำที่สุดก็คือสาว ๆ แห่กันมาลงโตกของอาตมา ๓-๔ คน โตกข้าง ๆ นี่ว่างเลย ตอนนั้นอาตมาเพิ่งจะอายุ ๒๒-๒๓ ปี ส่วนโตกอื่นอายุเกิน ๖๐ ปีแล้ว อีกอย่างก็คือตอนนั้นอาตมายังเป็นทหารอยู่ด้วย ยังเป็นคนในเครื่องแบบอยู่

เพราะว่าคนเหนือมีอัธยาศัยดีมากนี่แหละ จึงดึงให้คนย้อนกลับไปเที่ยวอีก เป็นแบบเดียวกับสาราณียธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านสอนว่าให้ปฏิบัติต่อกันด้วยเมตตา ๑ เมตตาต่อกันด้วยวาจา ๑ เมตตาต่อกันด้วยใจ ๑ แบ่งปันลาภที่ได้มาให้ผู้อื่น ๑ ประพฤติศีลเสมอกัน ๑ มีความเห็นร่วมกัน ๑

พูดง่าย ๆ ก็คือ คิดก็ให้คิดถึงเขาในด้านดี ๆ พูดก็ให้พูดถึงเขาในด้านดี ๆ ทำกับเขาในด้านดี ๆ แบ่งปันลาภที่ได้มาให้แก่คนอื่น นี่คือสาราณียธรรม ธรรมอันเป็นเครื่องยังความระลึกถึงกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2011 เมื่อ 01:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา