ถาม : ทำไมสมัยอยุธยาเขาต้องแย่งชิงแผ่นดินกันเยอะขนาดนั้นเล่าครับ ?
ตอบ : เขายังมีแนวความคิดว่า ถ้าเป็นพระมหากษัตริย์ต้องแสดงออกซึ่งพระราชอำนาจด้วยการตีบ้านตีเมืองอื่น การตีบ้านตีเมืองอื่นได้ทั้งสมบัติ ได้ทั้งทรัพยากร ได้ทั้งผู้คน ได้ทั้งช้างม้าวัวควาย ซึ่งก็คืองบประมาณสำหรับหล่อเลี้ยงประเทศตัวเองนั่นแหละ เพราะว่าผู้คนกวาดต้อนมา ก็เอามาเป็นทาสทำไร่ทำนา ยุคนั้นสังคมเป็นอย่างนั้น ค่านิยมเป็นอย่างนั้น
ถาม : จริง ๆ แล้วก็โจรดี ๆ เลยนะครับ
ตอบ : ก็เรียกว่าโจรนั่นแหละ แต่โจรที่ลักษณะตรงไปตรงมา จะปล้นก็คือปล้น จะเอาก็คือเอา ไปลุยกันซึ่ง ๆ หน้า ไม่ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมแอบยักยอกกันทีเป็นพัน ๆ ล้าน..!
ถาม : ทำไมสมัยอยุธยาบรรดาราชวงศ์ถึงได้เยอะอย่างนั้นเล่าครับ ?
ตอบ : สมัยอยุธยายาวนานถึง ๔๑๗ ปี เพราะฉะนั้น..จะว่าราชวงศ์เยอะก็ไม่ใช่หรอก เพิ่งจะมาเยอะช่วงท้าย ๆ นี่เอง ที่เขาเข่นฆ่าแย่งชิงแผ่นดินกัน ตอนต้น ๆ ก็ไม่มีปัญหา
ถาม : สมเด็จพระนารายณ์โดนปลงพระชนม์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : โดนปลงพระชนม์ สมเด็จพระนารายณ์ท่านไม่ได้แสดงฝีมือเลย แต่ลูกน้องเก่งถึงได้เป็นมหาราช ต้องบอกว่าเจ้านายคุมนโยบายและใช้คนเป็น ติดต่อทำการค้ากับต่างประเทศ สร้างความร่ำรวยมหาศาลเข้าท้องพระคลัง กล้าใช้แม้กระทั่งคนต่างชาติที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า อย่างเจ้าพระยาวิชาเยนทร์เป็นชาวกรีซ ออกญาเสนาภิมุขก็เป็นชาวญี่ปุ่น
พอวิทยาการสมัยใหม่ของต่างประเทศเข้ามา ขนาดพระราชวังที่ลพบุรียังมีหอดูดาว แล้ววิชาการเหล่านี้มาได้ดีในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระองค์ท่านศึกษาคำนวณเส้นทางการโคจรของดวงอาทิตย์และดวงดาวต่าง ๆได้ ท่านคำนวณวันเกิดสุริยุปราคาได้แม่นยำจนกระทั่งชาวยุโรปต้องทึ่ง
ถาม : เป็นตำราเดียวกันเลยหรือครับ ?
ตอบ : ก็สืบเนื่องมาจากสมัยอยุธยานั่นแหละ
ถาม : ทำไมก่อนหน้านั้นไม่มีใครทำได้เลยครับ ?
ตอบ : มี..เพียงแต่ว่าไม่ได้เปิดเผยออกมา ส่วนใหญ่เขาก็แค่สืบทอดในวงศ์ตระกูล ถึงเวลาก็รับหน้าที่เป็นปุโรหิตาจารย์ รับหน้าที่โหราจารย์ สำหรับรัชกาลที่ ๔ ท่านโดดเด่นออกมาเพราะว่าต่างชาติเข้ามาร่วมรับรู้ด้วย
ลองไปดูจดหมายเหตุที่พระองค์ท่านติดต่อกับต่างชาติดูสิ พระองค์ท่านเขียนภาษาอังกฤษคล่องมาก พระองค์ท่านบวชอยู่ ๒๐ กว่าพรรษา สึกมาตอนอายุ ๔๗ ครองราชย์แล้วยังมีลูกอีก ๗๗ คน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-12-2011 เมื่อ 02:31
|