ถาม : มีความรู้สึกว่า ...(ไม่ได้ยิน)...
ตอบ : เรื่องปกติ เน้นลมหายใจเข้าออก ถ้าสมาธิทรงตัวถึงระดับปฐมฌานละเอียดขึ้นไปถึงจะพอใช้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วไม่พอ กว่าจะรู้ตัวก็โดน รัก โลภ โกรธ หลง ดึงไปไกลแล้ว รู้ตัวก็ให้เร่งทำไว้ ไม่ใช่ว่ารู้ตัวแล้วก็ไปนั่งดูเฉย ๆ ปล่อยให้กิเลสดึงเราไปทุกที
ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา สิ่งที่ต้องรีบสร้างไว้ เมื่อไม่มีศรัทธาก็ไม่คิดที่อยากจะปฏิบัติ ในเมื่อไม่มีศรัทธา วิริยะความพากเพียรก็น้อย เมื่อไม่มีความเพียรที่จะสร้างขึ้นมาสติก็ตั้งมั่นได้ยาก เมื่อสติไม่ตั้งมั่นสมาธิก็ไม่ทรงตัว เมื่อสมาธิไม่ทรงตัวปัญญาก็ไม่เกิด ปัญญาไม่เกิดก็ไม่รู้ว่าความศรัทธาต่อสิ่งที่เราทำนั้นดีอย่างไร วนเป็นงูกินหางอย่างนี้แหละ
ท่านบอกว่าเปรียบเหมือนรถที่เทียมม้า ๕ ตัว ศรัทธากับปัญญาต้องไปด้วยกัน วิริยะกับสมาธิต้องไปด้วยกัน สติต้องนำหน้า เมื่อสตินำหน้า อีก ๒ คู่ตามหลังมาก็สามารถที่จะนำรถไปได้ดี ถ้าสลับผิดที่ผิดทางเมื่อไรก็มั่วไปหมด
ถาม : พยายามรักษาศีลเป็นเรื่องปกติ แต่ยังมีความรู้สึกหนัก
ตอบ : ถ้ายังหนักอยู่ แปลว่ากำลังใจของเรา สติสมาธิของเรา ยังไม่ค่อยได้อยู่กับศีล ยังเลื่อนไหลไปด้านอื่นอยู่มาก เราต้องคอยบังคับให้อยู่กับร่องกับรอย
ถ้าหากว่าเรามีสติสมาธิเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับศีล แค่ขยับตัวก็รู้แล้วว่าศีลจะขาดหรือไม่ ถ้าถึงเวลานั้นก็เบาสบาย ไม่ต้องเสียเวลาไปไล่ตามกันอีก
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2012 เมื่อ 13:38
|