ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 13-02-2012, 07:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,661
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,474 ครั้ง ใน 34,251 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับเรา จะมีรายละเอียดปลีกย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ ขอให้พวกเราตีราคาข้างต่ำไว้เสมอ อย่างเช่น ปฐมฌานละเอียดนั้น บางทีความรู้สึกของเราปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง สภาพจิตมีการรู้ลมเอง ภาวนาเองโดยอัตโนมัติ เป็นต้น แต่บางท่านก็ไปเข้าใจว่านี่เป็นอาการของฌาน ๒ ฌาน ๓ หรือฌาน ๔ ก็มี ท่านทั้งหลายจะถามคนอื่น ถ้าใช้คำถามผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ผู้ที่รับฟังคำถามก็จะเข้าใจคลาดเคลื่อนและตอบผิดไปก็มี

ดังนั้น..สำคัญก็คือศึกษาขั้นตอนเหล่านั้น แล้วเปรียบเทียบดูว่าสมาธิของเราตอนนี้อยู่ในขั้นไหนก็จะเข้าใจได้ แต่ก็อยากจะสรุปลงตรงที่ว่า สมาธิขั้นไหนก็ตามไม่สำคัญ สำคัญตรงที่ว่าขณะนั้นจิตของเราปราศจากรัก โลภ โกรธ หลง หรือเปล่า ถ้าหากว่ารัก โลภ โกรธ หลง กินใจไม่ได้ ถือว่าสภาพจิตของเราตอนนั้นมีคุณภาพ

แต่ถ้าหากมีความมั่นคงสูงถึงระดับอัปปนาสมาธิตั้งแต่ปฐมฌานละเอียดขึ้นไป ก็เป็นการประกันความเสี่ยงได้ค่อนข้างแน่ว่า ถ้าตราบใดที่เราไม่ทิ้งให้สมาธิของเราหลุดออกไปจากกำลังของฌานสมาบัติตรงหน้า กิเลสก็ยังกินใจเราไม่ได้ แต่ขณะเดียวกันก็มีบุคคลอีกจำพวกหนึ่ง เมื่อเกิดความสุขสงบเยือกเย็นทั้งกายและใจขึ้น รัก โลภ โกรธ หลง โดนกำลังสมาธิกดนิ่งสนิทไป คิดว่าตนเองบรรลุมรรคผลแล้วก็มี..!

ดังนั้น..จึงต้องระมัดระวังตรงนี้ให้มาก ๆ อย่าไปทึกทักเอาว่าเราได้ฌานนั้นฌานนี้ สมาธิขั้นนั้นขั้นนี้แล้ว ให้ประมาณการณ์ขั้นต่ำไว้เสมอว่าเรายังไม่ได้ แล้วตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติของเราต่อไป เมื่อกำลังใจทรงตัวเต็มที่แล้ว จะเป็นธรรมชาติของสมาธินั้น ๆ ว่า ถึงเวลาก็จะคลายตัวออกมาเองโดยอัตโนมัติ เมื่อสมาธิคลายตัวออกมาเราต้องระมัดระวังให้มาก ต้องรีบหาวิปัสสนาญาณให้คิดพิจารณาโดยด่วน ไม่อย่างนั้นแล้วสภาพจิตจะไปคว้าเอา รัก โลภ โกรธ หลง มาฟุ้งซ่าน เอามาคิดเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะฟุ้งซ่านอย่างเป็นงานเป็นการ เพราะมีกำลังของสมาธิหนุนเสริมอยู่

สำหรับตอนนี้ก็ให้ท่านทั้งหลายกำหนดดูกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก พร้อมกับคำภาวนาของตนเองไปตามอัธยาศัย ถ้าหากว่ากำลังใจทรงตัวแล้ว จะถอยออกมาพิจารณาอย่างไรก็ได้ ตามที่ถนัดและเคยชิน จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2012 เมื่อ 13:49
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา