ถาม : การหวงวัตถุมงคลเป็นความโลภไหมคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าโลภเจตนา อย่างน้อย ๆ มีความโลภแฝงอยู่ แต่ต้องดูว่าเราใช้เป็นอนุสติหรือเปล่า ? ถ้าเป็นอนุสติก็ถือว่าในส่วนของบุญกุศลมีมากกว่า โดยเฉพาะวัตถุมงคลเราทำบุญแล้วได้มา เราก็จะได้ระลึกถึงในเรื่องของจาคานุสติ และในเรื่องของทานบารมีด้วย
แต่ถ้าว่ากันตามหลักอภิธรรม เขาถือว่ามีส่วนของโลภเจตนาอยู่ ก็คือมีส่วนของความโลภอยู่ แต่ว่าไม่ต้องไปฟังตรงนั้นหรอก ทำไปเถอะ..จะไม่ให้มีความโลภเลยต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น แม้แต่พระอนาคามีท่านยังอยากในการทำบุญ แล้วอภิธรรมก็ใส่เต็ม ๆ ว่ายังเป็นโลภเจตนาอยู่ ก็ถูกตามตำราเขา
ถาม : หนูมีสมุดบันทึกจดเวลาหนูทำบุญไว้นะคะ
ตอบ : ไม่ต้องหรอกจ้ะ ถึงเวลารายการบุญที่เราทำก็ไปโผล่ที่นายบัญชีท่านเองแหละ ถ้ารู้ว่าใกล้ตายก็ใส่ซองส่ง ems ไปถึงพระยายมราชล่วงหน้าไว้เลย
ถาม : หนูจะเอาวัตถุมงคลไปถวายวัดนี้เป็นการตัดความโลภ ?
ตอบ : เป็นจ้ะ กว่าจะตัดได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่า มัจฉริยะ คือ ความตระหนี่ถี่เหนียว มีทุกคน แต่ว่าเราทำไป สมมติว่าถวายวัดเผื่อว่าใครทำบุญทางวัดจะได้ให้เขาต่อไป ก็เท่ากับว่าเรามีส่วนในบุญต่าง ๆ ที่ทางวัดเขาทำด้วย
ถาม : หนูจะเอาวัตถุมงคลไปให้ญาติพี่น้องก็กลัวเขาจะไม่เห็นคุณค่า
ตอบ : นั่นเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : มีส่วนจ้ะ สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อชีวิต เรารักเขา เราชอบเขา ความคิดเห็นของเขาก็มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเรา เราก็เลือกที่เรามั่นใจไว้สัก ๓ องค์ ๕ องค์ นอกจากตัวเองแล้ว ยังเผื่อคนอื่นในครอบครัวของเราด้วย แล้วที่เหลือก็จัดการ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปให้เขาตำหนิใหม่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2012 เมื่อ 13:20
|