การที่เราจะลดราคะ ตามคำแนะนำของอรรถกถาจารย์ว่า ให้ใช้กายคตาสติ มรณานุสติ และอสุภกรรมฐาน
กายคตาสติจะทำให้เราเห็นจริงในสภาพร่างกายนี้ ว่าไม่มีอะไรที่สวยงามอย่างแท้จริง สิ่งที่เราเห็นว่าสวยงามนั้น เป็นเพียงผิวหนังหลอกตาอยู่ชั้นเดียว เมื่อเปิดหนังเข้าไปข้างในก็เต็มไปด้วยเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง ตลอดจนอวัยวะภายในใหญ่น้อยที่น่าเกลียดทั้งปวง
มรณานุสติ เพื่อให้เราไม่หลงลืมว่าตัวเราจะต้องตายอย่างแน่นอน การที่เราหลงมัวเมาในร่างกายของตนเอง และร่างกายของคนอื่นนั้น เมื่อตายแล้ว เราก็จะต้องเวียนว่ายตายเกิดในกองทุกข์อีกนับชาติไม่ได้
ส่วนอสุภกรรมฐาน จะได้เห็นว่าร่างกายของเรานั้น มีแต่ความเน่าเปื่อย สกปรกโสโครกเป็นปกติ เมื่อเห็นว่าร่างกายของเราหาความดีไม่ได้เช่นนั้น ร่างกายของคนอื่นหรือสัตว์อื่นก็หาความดีไม่ได้เช่นกัน ถ้าหากว่าใครปฏิบัติในกองกรรมฐานเหล่านี้ ก็จะสามารถค่อย ๆ ลด ละ และเลิก ในส่วนของราคะไปได้ในที่สุด
ในส่วนของโลภะนั้นท่านให้แก้ด้วยจาคานุสติ และทานบารมี จาคานุสติคือระลึกอยู่เสมอว่า บุคคลใดเดือดร้อนต้องการสิ่งใด ถ้าไม่เกินวิสัย เรายินดีที่จะให้การสงเคราะห์เขา เมื่อคิดจะทำก็มีความปลื้มใจว่า โอหนอ..เราจะมีโอกาสได้ทำความดีในการให้ทาน ระหว่างที่ทำก็มีความปลื้มใจว่า โอหนอ..เรามีโอกาสได้ทำความดีด้วยการให้ทาน เมื่อทำไปแล้ว ก็เกิดความปลื้มใจว่า โอหนอ...เราได้ทำความดีด้วยการให้ทานแล้ว
ในส่วนของทานบารมีนี้ จะทำให้เราเป็นบุคคลที่มีโภคทรัพย์มากในอนาคตต่อ ๆ ไป แต่ถ้าหากว่าเราไม่นิยมการเกิดแล้วไซร้ จะเป็นตัวตัดความโลภที่ดีที่สุด เพราะจิตใจมีการสละออกเป็นปกติ ก็ไม่คิดที่จะกอบโกยมาเป็นของตนเอง จึงเป็นกรรมฐานคู่ศึกที่แก้กันกับตัวโลภะที่ได้ผลที่สุด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-03-2012 เมื่อ 07:18
|