พระอาจารย์เล่าว่า "เรื่องพระอภัยมณีเกิดจากการที่ในหลวงรัชกาลที่ ๒ ตั้งใจจะให้แต่งหนังสือแข่งกัน แต่ห้ามไม่ให้มียักษ์ สุนทรภู่จึงตะแบงข้างเป็นผีเสื้อ แต่รัชกาลที่ ๒ เก่งกว่า พระองค์แต่งอิเหนาโดยไม่มียักษ์เลย สุนทรภู่แต่งพระอภัยมณีท้ายสุดไปไม่รอด ต้องเอานางผีเสื้อขึ้นมา แล้วก็อ้างว่าไม่ใช่ยักษ์
พวกบรรดาเกร็ดประวัติศาสตร์ถ้าไม่เล่าให้ฟังไว้เดี๋ยวคนรุ่นหลังก็ลืมหมด โบราณถึงได้บอกว่า “ของกินถ้าไม่กินก็เน่า เรื่องเล่าถ้าไม่เล่าก็ลืม” ควรจะมีการบอกต่อเพื่อให้รุ่นต่อรุ่นได้จดจำกันต่อไป
จะว่าไปแล้วตอนนั้นเรื่องที่เขาแต่งกันขึ้นมาส่วนใหญ่ก็จะมียักษ์เป็นตัวชูโรง ส่วนมากก็เป็นผู้ร้าย โดยเฉพาะรามเกียรติ์ รัชกาลที่ ๒ ท่านคงอ่านจนเบื่อเต็มทีแล้ว ก็เลยตั้งกติกาว่าให้แต่งหนังสือแข่งกันแต่ห้ามมียักษ์ ท้ายสุดสุนทรภู่ก็มีจนได้ แต่อ้างว่าไม่ใช่ยักษ์เป็นผีเสื้อ พอเปิดถึงบทที่ ๒ ของพระอภัยมณี
จะกล่าวถึงอสุรีผีเสื้อน้ำ................................อยู่ท้องถ้ำวังวนชลสาย
ได้เป็นใหญ่ในพวกปิศาจพราย........................สกนธ์กายโตใหญ่เท่าไอยรา
ตะวันเย็นขึ้นมาเล่นทะเลกว้าง........................เที่ยวอยู่กลางวารินกินมัจฉา
ฉวยฉนากลากฟัดกัดกุมภา............................เป็นภักษานางมารสำราญใจ ฯลฯ
แสดงว่าสุนทรภู่รู้เหมือนกันว่ามีจระเข้น้ำเค็ม"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-05-2012 เมื่อ 18:01
|