๔๘. นิมิตมรณะ
ดังได้กล่าวแล้วว่า
นิมิตเป็นภาพที่ปรากฏขึ้นมาเอง โดยที่เราไม่สามารถบังคับได้ “
หลวงพ่อ” เมตตาบอกถึงนิมิตที่คนใกล้ตายมักจะเห็น และสามารถบอกที่ไปของคนตายได้ด้วย ดังนี้
-
เห็นเปลวไฟลุกท่วม จะลงนรกโดยตรงเลย
-
เห็นคนสี่คนนุ่งแดงใส่แดงมารับ แบบนี้ต้องผ่านการสอบสวนของพระยายมราชก่อน แล้วไปตามผลดีชั่วของตน
-
เห็นป่า จะไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
-
เห็นก้อนเนื้อ จะไปเกิดเป็นคนอีก
-
เห็นเทวดามายืนแถวหน้า พรหมยืนแถวกลาง พระอริยเจ้ายืนแถวหลัง แบบนี้ไปเกิดเป็นเทวดา
-
เห็นพรหมยืนแถวหน้า เทวดายืนแถวกลาง พระอริยเจ้ายืนแถวหลัง แบบนี้ไปเกิดเป็นพรหม
-
เห็นพระพุทธเจ้าหรือพระอริยเจ้าอยู่ข้างหน้า พรหมอยู่กลาง เทวดาอยู่หลังสุด แบบนี้ไปนิพพาน
นิมิตที่กล่าวมานี้ เป็นเพียง “
แบบ” เท่านั้น อาจจะมีแตกต่างไปบ้าง ก็คงคล้ายคลึงกันอย่าง “
ธัมมิกอุบาสก” เห็นเทวดาจากสวรรค์ทั้งหกชั้นนำรถทิพย์มารับ ลูกหลานบอกให้ท่านไปชั้นดุสิต ท่านจึงเอาพวงมาลัยคล้องงอนรถทิพย์ชั้นดุสิต ปรากฏว่าลูกหลานเห็นเพียงพวงมาลัยลอยอยู่ หาได้เห็นรถทิพย์หรือเทวดาดังที่ท่านเห็นไม่...
นิมิตมรณะอีกอย่างที่คนโบราณสอนต่อ ๆ กันมาก็คือ ถ้าเห็นใครไม่มีหัว หรือไม่มีเงาหัว แปลว่าบุคคลนั้นจะตายภายในเจ็ดวัน คนเห็นจงอย่าตกใจ อย่าเอะอะ หากมีผ้าให้เอาผ้าม้วนกลม ๆ ขว้างใส่ พร้อมกับพูดว่า “
เอ้า...ข้าต่อหัวให้...” แล้วรีบบอกคนนั้นให้ทราบ ให้เขาปล่อยชีวิตสัตว์ (ต้องเป็นสัตว์ที่จะถูกฆ่า หรือเขาขายให้คนไปฆ่าเท่านั้น) แล้วถวายสังฆทานด้วย จะช่วยต่ออายุให้ยืนยาวไปได้...
แต่ต้องระวังไว้หน่อยคือ เพื่อนรุ่นพี่ของอาตมาเห็นเพื่อนไม่มีหัว แกก็จะช่วยแต่หาอะไรไม่ได้ บังเอิญหิ้วถังน้ำอยู่ เลยขว้างด้วยถังน้ำ แหม...แม่นเหลือใจ โพละเดียวตะครุบกบเปียกปอนไปทั้งตัว ขนาดบอกให้ทราบ เพื่อนยังโกรธแทบฆ่ากันตาย หาว่าแกแกล้ง เลยไม่ทำบุญอะไรทั้งสิ้น ต่อมาไม่กี่วันโดนรถชนขาหัก นี่ขนาดได้ถังน้ำไปต่อหัวทั้งใบแล้วนะ ถ้าไม่ได้คงถึงตายจริง ๆ...
ตอนบวชใหม่ ๆ อาตมาพักอยู่ที่ป้อมยามด้านตะวันออก หลังร้านอาหารของวัด ข้างป้อมยามมีต้นพุทราใหญ่ ขึ้นแผ่คลุมด้านตะวันตกของป้อมไปทั้งแถบ ช่วยให้ยามบ่ายไม่ร้อนอบอ้าว (ขณะนี้ถูกโค่นทำเสาเรือนไปซะแล้ว)... ตอนเที่ยงของวันหนึ่ง อาตมากำลังนอนฟังเสียงตามสายของหลวงพ่อบรรยายธรรมะอยู่นั่นเอง อาตมาก็เห็นภาพที่น่ากลัวเหลือที่จะกล่าว...
งูจงอางตัวมหึมาเลื้อยมาบนยอดพุทรา น้ำหนักตัวของมันทำให้ต้นพุทราไหวระเนนไปทั้งต้น มัจจุราชไร้เท้าเลื้อยปราด ๆ เข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วดีดตัวพุ่งเข้ามาทางหน้าต่าง ฉกใส่อาตมาที่นอนตะลึงตัวแข็งอยู่ทันที...! “หลวงพ่อ” ปรากฏขึ้นทางไหนดูไม่ทัน ท่านตวัดไม้เท้าเขี่ยขึ้นนิดเดียว เจ้าจงอางยักษ์ก็ฉกพลาดเป้า ฝังเขี้ยวลงพื้นกระดานข้างใบหน้าอาตมาโครมเบ้อเริ่ม ลำตัวมหึมาของมันฟาดพลั่กลงบนอก อาตมาถึงกับจุกแอ้ด ๆ ชักตาตั้งไปเลย...!
เจ้างูร้ายเลื้อยลงบันไดไปยังชั้นล่าง เสียงลำตัวมันลากพื้นดังแสกสากชวนสยองขวัญ อาตมาพอหายจุก ก็เผ่นลุกขึ้นแบบอกสั่นขวัญหาย แล้วทำสิ่งบ้า ๆ แบบขาดสติเพราะตกใจ คือวิ่งลงบันไดไปเพื่อจะหนีงู...! พรวดลงมาชั้นล่างเพิ่งนึกได้ “เฮ้ย...ไอ้งูมันเลื้อยลงมานี่หว่า...” ทั้งที่ไม่กลัวงูมาก่อน อาตมาก็ขาแข็งวิ่งไม่ออก ค่อย ๆ มองซ้ายมองขวาเหงื่อแตกท่วมไปทั้งตัว โธ่...ก็งูจงอางตัวเท่าต้นกล้วย คนบ้ากว่านี้ก็ยังกลัวเลย...!
มองหาเท่าไรก็ไม่เจอ ประตูก็ปิดล็อกอย่างดี ดูใต้บันไดก็ไม่มี ย่องไปชะโงกดูในห้องน้ำก็ไม่มี มุมลับตาก็มีแค่สองที่นี้เท่านั้น “
บนเพดานล่ะ...?” “
ไอ้บ้า...งูบ้านคุณนะซิ...ถึงแขวนอยู่บนเพดานเหมือนจิ้งจกได้...” ทะเลาะกับตัวเองพักใหญ่ สติสตังค่อย ๆ กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวหน่อย “
เฮ้ย... “หลวงพ่อ” ยังอยู่ข้างบน” อาตมาวิ่งขึ้นมาข้างบน มีแต่ห้องโล่ง ๆ “หลวงพ่อ” หายไปไหน...? งงยิ่งกว่าถูกอีซ้ายของเขาทรายอัดปลายกระโดงคางซะอีก...
“
หลวงพ่อ” มาจากไหนแล้วหายไปไหน ไม่น่าประหลาดใจหรอก ยิ่งกว่านี้ท่านก็ทำได้ แต่ไอ้จงอางยักษ์ล่ะ...? ประตูหน้าต่างชั้นล่างปิดดิบดีมันหายไปไหน...แล้วหน้าต่างที่มันพุ่งเข้ามา ทั้งมุ้งลวดทั้งเหล็กดัดมีพร้อม มันเข้ามาได้อย่างไร...? งูลมเรอะ...? งูลมคืองูนิมิต แล้วทำไมเวลาตัวมันฟาดลงมาเราจุกแทบตายล่ะ...? งูลมมันต้องไม่มีน้ำหนัก...แล้วมันพุ่งเข้ามาเห็น ๆ เสียงฉกเสียงเลื้อย ยังดังถนัดหู โว้ย...! จะบ้าตาย...! ถ้าเป็นความฝัน “
งู” คือ “
ผู้หญิง” ถ้าจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่างแน่ ๆ และงานนี้เราหมดทางสู้อย่างเห็น ๆ ถ้าหลวงพ่อไม่เมตตาช่วย คงม้วยมอดเป็นแน่แท้...
หลังจากนั้นก็ได้เรื่อง “
เธอ” ผู้ทำให้อาตมา “
ฌานค้าง” มาตั้งแต่ก่อนบวช ตามตื๊อถึงวัด มาได้ทุกอาทิตย์ ขนาดปิดกุฏิก็ยังหาผู้ชายมาเป็นเพื่อน เคาะประตูเรียกออกมาจนได้ การโจมตีแบบต่อเนื่องทำเอาอาตมาตั้งตัวไม่ติดเลย... ขืนเป็นแบบนี้คงแย่แน่ จะรักษาด้วยการผ่าตัดมันก็ต้องทนเจ็บเอาบ้าง เมื่อ “เธอ” มาขอคำตอบครั้งหลังสุด อาตมาตอบไปว่า “
เอาสมบัติทั้งสามโลกมาแลกกับความปรารถนานิพพาน อาตมายังไม่ต้องการ อย่าว่าแต่ผู้หญิงคนเดียว” “เธอ” ร้องไห้โฮวิ่งจากไป ขณะที่คนผ่าตัดก็ใจจะขาดรอน ๆ...!
ขนาดนี้ก็ยังไม่ใช่... “งูตัวนั้น” มาทีหลัง เป็นโยมที่มาปฏิบัติธรรมที่วัด เพิ่งเคยมาครั้งแรก
พอเห็นต่างคนต่างตะลึง สัญญาเดิมมันจับใจทันที อาตมาเดินหนีทันควัน รู้ดีว่าถ้าเปิดโอกาสให้เธอพูดแม้แต่คำเดียว อาตมาเสร็จแน่...! อาตมาเป็นฝ่ายหลบ ขณะที่เธอเป็นฝ่ายตาม แม้จะหลบขนาดไหน เวลาออกบิณฑบาต ทำวัตร กรรมฐาน ก็เจอกันจนได้ ถ้าเวลาเช่นนั้น อาตมาทำอะไรไม่ถูกเลย เป็นฝ่ายแอบมองเธออยู่ตลอดเวลา...
จู่ ๆ ก็มีคำสั่ง “หลวงพ่อ” เรียกอาตมาไปเฝ้าหน้าตึกให้ท่าน สถานที่นั้นเป็นเขตหวงห้าม ถ้าไม่มีธุระจริง ๆ ไม่มีทางหาข้ออ้างย่างเหยียบเข้าไปได้เลย งูสาวแสนสวยจึงหมดหนทางตามล่า อาตมาก็ไม่ต้องโผล่มาผจญกับเธอ จนกระทั่งเธอเป็นฝ่ายหมดความพยายาม ไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีก นิมิตมหาประลัยช่างน่ากลัวแท้ ๆ ถ้า “หลวงพ่อ” ไม่แผ่เมตตาต่อเงาหัวให้ อาตมาคง “ตาย” ไปนานแล้ว...!
ความตายอยู่ห่างเราแค่ชั่วลมหายใจเข้า – ออก อาจจะมาถึงตัววินาทีใดก็ได้ ขอท่านทั้งหลายอย่ามัวสนุกเพลิดเพลินอยู่เลย เราเหมือนอยู่บนเรือนที่ไฟกำลังไหม้ จงเร่งหาทางหนีไปให้พ้นภัยกันเถิด...
ทาน – ศีล – ภาวนา เหมือนพาหนะที่จะนำพาเราให้ข้ามห้วงน้ำใหญ่ คือกิเลส จงเร่งทำให้มีขึ้นโดยไว เพราะมัจจุราชคือความตาย ไม่เคยผ่อนผันแก่มนุษย์หน้าไหนเลย พระพุทธเจ้าทรงชี้ทางมาสองพันกว่าปีแล้ว จงเร่งเดินทางกันเถิด...!
๗ เมษายน ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ