เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรงกำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดแนบชิดติดกับลมหายใจไหลเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดแนบชิดติดกับลมหายใจไหลออกมา หายใจเข้าผ่านจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เราถนัดและมีความรักชอบเป็นส่วนตัว
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานประจำเดือนพฤษภาคมวันแรกซึ่งผิดปกติ เพราะว่าเรามาปฏิบัติกันในวันพฤหัสบดี เนื่องจากเดือนนี้ในวันอาทิตย์อาตมภาพมีความจำเป็นต้องไปรับปริญญา ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จึงต้องเลื่อนการปฏิบัติธรรมของเราให้เร็วขึ้นมาวันหนึ่ง
การที่พวกเราทั้งหลายส่วนหนึ่ง เพิ่งเดินทางกลับจากการปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งก็คือ ต้องรักษาอารมณ์การปฏิบัติให้ต่อเนื่องยาวนานที่สุดเท่าที่เราจะพึงทำได้ เพราะว่าการที่พวกเราปฏิบัติธรรมนั้นเป็นการทวนกระแสโลก เหมือนกับการที่เราว่ายทวนน้ำอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราเลิกการปฏิบัติ ทิ้งการปฏิบัติ ก็จะไหลตามกระแสโลกไป เหมือนกับคนที่ไหลตามสายน้ำไป ถึงเวลาเราปฏิบัติใหม่ ก็คือเราต้องว่ายทวนน้ำขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็ไม่น่าจะได้มากไปกว่าเดิม และโดยเฉพาะถ้าวันไหนร่างกายเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า หรือเจ็บไข้ได้ป่วย ก็ได้ไม่เท่าเดิมอีกด้วย
จึงมีญาติโยมมากต่อมากด้วยกันที่สงสัยว่า ตนเองก็ปฏิบัติมาหลายปี บางท่านถึงหลายสิบปี ทำไมไม่มีการก้าวหน้าในการปฏิบัติเลย ? ก็เพราะว่าเราไม่ได้รักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่อง เมื่อเลิกปฏิบัติเราก็เลิก ปล่อยลอยตามกระแสรัก โลภ โกรธ หลง ไป ถึงเวลาปฏิบัติก็ทวนกระแสขึ้นมาใหม่ แล้วก็ปล่อยลอยตามกระแสไปอีก เป็นอย่างนี้อยู่ทุกวัน จึงกลายเป็นคนขยัน ทำงานทุกวันแต่ไม่มีผลงาน ไม่มีความก้าวหน้าใด ๆ เลย
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-05-2012 เมื่อ 03:26
|