พระอาจารย์ให้โอวาทว่า "การอยู่วัด..สำคัญที่สุดคืออย่าไปตั้งความหวังกับคน สถานที่ดีแค่ไหนก็ตาม ครูบาอาจารย์ดีแค่ไหนก็ตาม คนรอบข้างก็ยังเป็นคนอยู่ ถ้าไปคิดว่าวัดดีแล้วคนต้องดี คิดว่าครูบาอาจารย์ดีแล้วเขาต้องดี เดี๋ยวก็อกหักดังกร๊อบ..!
ในเมื่อเป็นคนจะอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นคน สำคัญที่ว่าเราจะปล่อยวางได้มากเท่าไร สรุปง่าย ๆ ว่า อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุดก็จบแล้ว จะได้ดูว่าเราเองปล่อยวางสักกายทิฐิได้มากเท่าไร ? ตัวกูของกู มานะยังมีเยอะไหม ? ถ้าไม่มีก็อยู่สบาย ถ้ามีก็กระแทกกันอยู่เรื่อย
โดยเฉพาะคนเรามีจุดอ่อนอยู่ที่ว่า เกิดอะไรขึ้นแล้วไม่สอบถาม แต่ตัดสินด้วยความคิดตัวเอง คราวนี้การตัดสินของเขาได้ตัดสินคนอื่นไปแล้ว โดยที่ลืมว่าตัวเราไม่ใช่บรรทัดฐานที่จะไปตัดสินคนอื่น ดังนั้น..ถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ถามกันตรง ๆ
ค่อย ๆ ปรับตัวเองไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ก็เป็นลูกเต๋าสี่เหลี่ยม หล่นโครมลงไปก็อยู่ตรงนั้น พอค่อย ๆ ขัด ค่อย ๆ เกลา ลบเหลี่ยมลบมุมตัวเองไปเรื่อย ๆ ก็จะกระทบคนอื่นน้อยลงไปเรื่อย จนในที่สุดก็กลมเป็นลูกบิลเลียด คราวนี้จะกลิ้งไปไหนก็ได้ หรือถ้ายังไม่พอก็เป็นลูกบิลเลียดแช่น้ำมัน ลื่นพอ ๆ กับปลาไหลแช่น้ำมันนั่นแหละ
ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตเป็นเครื่องทดสอบ สอบได้หรือสอบตกก็ไม่มีใครช่วยเราได้ บางทีเราแนะนำไป วิธีการเขารู้ แต่กำลังของเขาไม่พอ บอกเขาว่ากำแพงอยู่ตรงนี้ จอบก็มี ขวานก็มี เลื่อยก็มี พังลงไปให้ได้แล้วกัน แต่แรงเขายังไม่พอ จึงพังลงไปไม่ได้สักที"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:48
|