เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัว ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ตามที่เราถนัด
วันนี้เป็นวันเสาร์ ที่ ๑๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันสุดท้ายประจำเดือนพฤษภาคมนี้ สำหรับเมื่อวานได้กล่าวไปแล้วว่า การที่เราเป็นนักปฏิบัตินั้น ที่สำคัญคือต้องเห็นไตรลักษณ์ คือลักษณะของความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นตัวตนเราเขา ถ้าเราไม่เห็นตรงจุดนี้ ก็แปลว่าการปฏิบัติของเรานั้นเสียเปล่า แล้วการเห็นนั้น อย่าให้เห็นเฉพาะตอนที่นั่งปฏิบัติอยู่ แต่ว่าให้เห็นอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใดก็ตาม เราต้องเห็นความไม่เที่ยงของทุกสิ่งทุกอย่าง มองไปเห็นตึกรามบ้านช่อง ก็ให้เห็นว่าก่อนหน้านี้ใหม่ แต่ปัจจุบันนี้ค่อย ๆ เก่า แล้วท้ายสุดเดี๋ยวก็ร่วงโรยพังลงไป มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ ระหว่างที่ดำรงสภาพอยู่ ก็ก้าวเข้าไปหาความเสื่อม คือความทุกข์เป็นปกติ อย่างเช่นว่า แม้กระทั่งปูนก็ยังมีการกัดกร่อนผุพัง เป็นต้น และท้ายที่สุดก็ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายได้ ว่าเป็นเรา เป็นของเรา เพราะถ้าไม่ใช่เราตายจากไปก่อน ตึกรามบ้านบ้านช่องนั้นก็จะพังเสียก่อน เป็นต้น
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จำเป็นที่เราจะต้องดู จะต้องรู้ จะต้องเห็น และยอมรับความจริงนั้นให้ได้ มองไปในหมู่ผู้คน เห็นเด็กเล็ก ๆ เห็นเด็กโต เห็นหนุ่มสาว เห็นคนกลางคน เห็นคนชรา เราก็รู้ว่านี้คือสภาพที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนจริง ๆ ระหว่างที่แต่ละคนดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ทุกข์ของการเกิด ทุกข์ของการแก่ ทุกข์การเจ็บ ทุกข์ของการตาย ทุกข์ของการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ทุกข์ของการปรารถนาไม่สมหวัง ทุกข์ของการกระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ ท้ายสุดเราก็ไม่สามารถที่จะยึดถือตัวตนร่างกายนี้เอาไว้ได้ เพราะว่าต้องเสื่อมสลายตายพังไป กลับกลายเป็นธาตุ ๔ คืนไปเป็นสมบัติของโลกตามเดิม
มองออกไปเห็นต้นไม้ ต้นเล็ก ต้นกลาง ต้นใหญ่ เห็นใบไม้อ่อน เห็นใบไม้ปานกลาง เห็นใบไม้แก่ เห็นใบไม้ที่เหลืองร่วงหล่นลงจากขั้ว เราก็จะเห็นว่า ต้นไม้ก็มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีหนอนมีแมลงคอยบ่อนเบียนชอนไชอยู่ กัดกินอยู่ ต้นไม้ก็มีความทุกข์เป็นปกติ และท้ายที่สุดก็โค่นล้ม เน่าสลาย ผุพังจมดินไป
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-05-2012 เมื่อ 14:13
|