ป่วยหนักก่อนตัดสินใจบวช
เรื่องนี้เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในระยะก่อนบวช และมีส่วนหนุนนำให้ท่านตัดสินใจบวชได้เร็วขึ้นดังนี้
“..ทีแรกก็ไม่อยากบวช ค่อยขยับจ่อเข้าไป ถึงกาลเวลาป่วยหนัก ป่วยหนักจริง ๆ แทบจะไม่พ้นจากคืนวันนั้น ถึงขั้นพ่อกับแม่มานั่งอยู่สองข้าง มานั่งเทียบสองข้างเลย เราก็กำลังเป็นหนักในขณะนั้น ที่ไม่ลืมเลยก็แม่นั่นแหละ แม่เป็นคนใจอ่อน พ่อไม่ค่อยพูด แต่แม่เป็นคนใจอ่อน ‘จะไปเดี๋ยวนี้เชียวหรือลูก ?’
แม่พูดออกมา ‘อย่าด่วนไป ยังไม่ควรไป ลูกยังไม่ได้บวชให้แม่ ให้ลูกบวชเสียก่อน แม่จะได้หายสงสัย’
แล้วกำลังอารมณ์ในการบวช นี่..ก็เป็นหนักเหมือนกัน..หนุนเข้ามา คราวนี้คราวเราจะไปไม่รอด ‘ถ้าวาสนาของเรายังมีอยู่ จะพอสืบภพสืบชาติไปถึงชั้นสูง ๆ บ้าง ก็ขอให้การเจ็บไข้ได้ป่วยเราซึ่งเป็นมาก ๆ ให้หายวันหายคืนไป’
พอว่าอย่างนั้น กลางคืนนั้นละ..พญายมบาลดึง ทางพญาแดนสวรรค์ก็ดึง สุดท้ายก็เลยได้มาทางแดนสวรรค์หรือแดนอะไรก็ไม่รู้นะ แต่มาทางแดนสวรรค์...
รำพึงนะ ... ‘บวชคราวนี้ เหมือนว่าเอาเป็นเอาตายเข้าว่า’
พ่อกับแม่นั่งอยู่สองข้าง จะไปพูดก็จะพูดไม่ได้แล้ว แม่ไม่ต้องพูดมากละ แม่..น้ำตาแม่เร็วกว่าน้ำตาพ่อนะ พอเห็นลูกเป็นอย่างนั้นก็ร้องไห้อยู่ข้าง ๆ นั่นละ กำลังใจของเราก็มุ่ง ‘ขอให้หายในคราวนี้ เราจะออกบวช พอหายคราวนี้เราจะออกบวชเลย’
เราก็หายวันหายคืนจริง ๆ นะ ทั้งที่ไม่น่าพ้นคืนนั้นกลับหายวันหายคืน พอหายวันหายคืนแล้ว สายแห่งกุศลมากระตุกอยู่เรื่อย ‘อย่างไรละ ? ว่าจะบวช..หายแล้วทำไมไม่เห็นบวช ?’
ยอมรับทันทีเลย ยอมรับว่ายังไม่ได้บวช แต่จะบวชให้ได้คราวนี้ พอว่าอย่างนั้นการเจ็บไข้ได้ป่วยหายวันหายคืน ไม่กี่เดือนนะ เรื่องสะดุดจิต..ตายไปแล้วจะไม่ได้บวช ตายกับยังไม่ตายจะบวชหนักสองทาง การที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อจะบวช..เพื่อจะบวช จากนั้นก็หายวันหายคืน... พ่อกับแม่นั่งอยู่สองข้าง เพราะเป็นหนักจริง ๆ เป็นถึงขนาดพูดไม่ได้เลย ส่วนแม่น้ำตาพังนะ..แม่นะ
พอเราตั้งสัจจาธิษฐานในจิตของเรา เพราะจิตมันไม่ป่วย จิตไม่เป็นภัย มันเป็นแต่สังขารร่างกายนี้เท่านั้น เราก็ค่อยดีขึ้น..เลยหายวันหายคืนอย่างรวดเร็ว คำที่ว่าหายแล้วจะบวชนั้นกระตุกเรื่อยนะ หายไข้มาแล้วยังกระตุกเรื่อย กระตุกเราก็ยอมรับ บอกว่าเราจะบวช ไม่ปฏิเสธ เลยได้ออกบวชจริง ๆ เรื่องราวนะ
เราเป็นมาก ๆ พญามัจจุราชก็จ้อเข้ามา นายยมบาลหรือ ...ไม่ทราบละ ต่างฝ่ายต่างจ้อเข้ามา.. สุดท้ายก็หายไข้ หายจากไข้แล้วการบวชนี้ จ้อเข้ามาเลย กระตุกเรื่อย หายจากเป็นไข้แล้วว่า ‘จะบวชทำไมไม่บวช ?’ ว่าอย่างนั้นนะ สายกุศลกระเทือนใจเจ้าของเอง
ทางนี้ก็ยอมรับว่า ‘จะบวช ๆ ถึงวันแล้วจะบวช ให้เป็นอื่นไม่เป็นละ’ เพราะได้ยอมกับพญามัจจุราชมาครั้งหนึ่งแล้ว แทบจะไปไม่รอด คราวนี้จะบวชกับสายใยแห่งการกุศลมันหนุนเรื่อย ๆ ทางนี้สารภาพเรื่อยว่า จะบวช ๆ
จากนั้นพอหายไข้แล้วบอกแม่ว่า ‘จะบวชละ’ แม่มีคำสัตย์คำจริงมาก ทั้งศรัทธามีพอ ๆ กับแม่กับพ่อไม่มีขัดแย้งกันเลย เรื่องบุญเรื่องบาปเสมอกัน
นั่นละ พอจากลั่นคำแล้วเรียกว่าเปิดเลยนะ เพราะนิสัยนี่ไม่เหลาะแหละ จะทำ.. ทำ จะทำอย่างไร ? เอา..ทำ ๆ เป็นนิสัยจริง ๆ จัง ๆ พอหายจากไข้แล้ว เรื่องการบวชกระตุกเรื่อย กระตุกเรื่อย เลยลั่นคำออกมาให้แม่ฟังว่า
‘นี่ตั้งใจว่าจะบวชหลายหน มันก็เคลื่อนคลาดไปเรื่อย ๆ คราวนี้จะบวชให้แล้วนะ’
พอบอกแม่จบลงแล้ว แม่ก็รีบไปบอกพ่อ เพราะเห็นเรานิสัยอย่างนั้น นิสัยของเราเป็นอย่างไร ? ว่าจะไป.. ไป ว่าจะอยู่.. อยู่ ว่าจะทำ.. ทำ ถ้าลงได้ลั่นคำแล้วขาดสะบั้น ที่นี้แม่ได้ยินว่าเราจะบวชให้ แม่ร้องไห้ พ่อก็เหมือนกัน... เวลาบวช พ่อเรียกพี่ชายมาสอนมาสั่ง
‘เธอได้บวชก่อนน้องแล้ว รู้จักบริขารเกี่ยวกับการบวช จะเอาอะไรบ้าง ? แล้วหาของดี ๆ ให้น้อง’
น้องก็คือเรา ทีนี้พ่อกับแม่ก็ปรึกษากันให้เอาแต่ของดี ๆ มาบวช เพราะเด็กคนนี้มันไม่ค่อยเหมือนใคร ถ้าว่าอย่างไรเป็นอย่างนั้น ว่าอย่างไรเป็นอย่างนั้น นี้มันลั่นคำลงแล้วว่าจะบวช เราเชื่อเสียเดี๋ยวนี้ว่าลูกคนนี้จะต้องได้บวช เพราะได้ยินคำพูดของเราจริงจังมาก จากนั้นเลยตกลงให้พี่ชายไปหาเครื่องบวชดี ๆ
‘เอาดี ๆ นะ มึง..มึงเคยบวชมาแล้ว มึงรู้จักบริขารของพระบวชแล้ว หาของดี ๆ นะ น้องมึงมันไม่เหมือนมึง พูดเล่นอย่างนั้นล่ะ’
พ่อพูดให้พี่ชายฟัง ‘มันเอาจริง ๆ นะ เครื่องบวชทั้งหลายต้องเอาดี ๆ ทั้งนั้นล่ะ มึงเคยบวชแล้ว’
พ่อไปหากับลูกนั่นละ ไปได้แต่ผ้าดี ๆ ของดี ๆ ทั้งหมดเลย ไม่มีขัดข้อง... ธรรมดาประเพณีคนไทยเรา ลูกผู้ชายเมื่อโตขึ้นมาแล้ว ให้ได้บวชเป็นพระเป็นเณรเสียก่อน จึงเหมาะสมกับประเพณีของคนไทยซึ่งเป็นชาวพุทธ ... พ่อกับแม่เรียกว่าเทถุงเลย เงินมีเท่าไร ๆ เอา อย่าเสียดาย ลูกคนนี้ถ้ามันได้พูดเรื่องนี้แล้ว มันแน่แล้วตั้งแต่ยังไม่บวช มันจะบวชแน่ ๆ ล่ะ นี่ลั่นคำแล้ว เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ...”
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2012 เมื่อ 11:25
|