วันนี้ผมได้อ่านบทความเรื่อง"ช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้ครองผ้าเหลือง"ได้ข้อคิดดี ๆ แบบเราคนไทยชาวพุทธ จึงนำมาฝากทุกท่านดังนี้
ช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้ครองผ้าเหลือง
เมื่อปีที่แล้วผมได้มีโอกาสได้บวชเป็นพระ อยู่ในพระพุทธศาสนาเป็นเวลา ๑ พรรษา เมื่อครู่ได้อ่านกระทู้ บางกระทู้เกี่ยวกับพระสมัยนี้ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม และจากที่เคยเห็นมาด้วย ก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้คิดตำหนิอะไรมากมาย
แต่ที่จะมาเล่าให้ฟังคือ ช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้บวชอยู่ในบวรพระพุทธศาสนาแล้ว จึงอยากมาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง ถือเป็นการเล่าสู่กันฟังก็แล้วกันนะครับ บางทีอาจจะทำไห้เรา ๆ เห็นมุมมองใหม่ ๆ เกิดขึ้นก็ได้ หลายท่านในที่นี้ที่เป็นผู้ชาย อาจจะเคยบวชมาแล้ว ก็คงจะเข้าใจดีถึงความรู้สึก ก่อนหน้าที่ผมจะบวชนั้น ผมก็เป็นประชาชนเดินดินนี่แหละ เป็นคนต่างจังหวัด(กำแพงเพชร) ที่มาทำงานอยู่ที่กทม.ด้วยชีวิตที่ดิ้นรนต่อสู้ ปากกัดตีนถีบ เจอคนดีมั่ง คนเลวมั่ง คนหลอกลวง คนเอาเปรียบ สารพัดในกทม.ทุกอย่างรวมกันอยู่ที่กทม. แสงสี เสียงมันยั่วเย้าเร้าใจให้คนเสียคนได้ง่ายมาก ประกอบกับวัยที่กำลังคึกคะนอง กำลังเที่ยวเตร่ แต่แล้ววันหนึ่งมีเสียงโทรศัพท์ โทรเข้ามา เป็นเสียงแม่ผมนั่นเอง จำได้ว่าตอนนั้น ผมกำลังเตะบอลอยู่กับเพื่อน ๆ กลุ่มนึง หลังจากไตร่ถามสารทุกสุขดิบกันพอควรแล้ว ปกติก็ไม่ค่อยจะโทรคุยกันเท่าไหร่นัก แล้วบ้านก็ไม่ค่อยจะได้กลับ คุยเสร็จแม่ผมก็เปรยว่า "บวชให้แม่หน่อยนะลูก แม่ก็แก่แล้ว ใกล้จะเข้าพรรษาแล้ว" คำนี้ทำผมอึ้งไปพักใหญ่ เพราะว่าด้วยที่ผมอายุก็ ๒๘ คือเลยบวชมานานพอสมควร ทุกปีแม่ผมจะต้องวอนให้ผมบวชให้ท่าน ประมาณก่อนเข้าพรรษาประจำ จนปีนี้ซึ่งก็คิดว่าคงจะหนีไม่พ้นแน่ เพราะปีที่ผ่านมาก็อ้างโน้นอ้างนี่จนไม่มีข้ออ้างแล้ว จึงจำเป็นต้องทำตามใจแม่ซักครั้ง
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 12-06-2009 เมื่อ 17:10
|