หน้าที่ของผู้บวช
เมื่อผู้บวชได้บวชแล้ว ก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามพระวินัยที่เป็นพระบัญญัติที่พระพุทธเจ้าได้บัญญัติไว้ด้วยศึกษาธรรมะ คือเรียนและปฏิบัติธรรมะตามความสามารถ ตามความหมายเดิมของพระพุทธศาสนา ให้เป็นบรรพชิตที่ดีเสมอกับบรรพชิตที่มีด้วยกันตามพระพุทธภาษิตว่า
"สมโณ อัสส สุสมโณ สมณะ" สมณะพึงเป็นสมณะที่ดี ดังนี้
การเรียนธรรมะ ก็คือเรียนจำธรรมะ ๑, พิจารณาเนื้อความของธรรมะที่เรียนจำนั้น ให้เข้าใจเนื้อความ ๑, พิจารณาดูธรรมะนั้นๆ สอบดูที่ตนให้รู้ว่าตนเองได้มีธรรมะนั้น ๆ อยู่ที่ตนเพียงไร หรือไม่มี ๑, นี้เป็นปริยัติ คือเรียน หรือปริยัติธรรม ธรรมคือเรียน, ครั้นแล้วจึงปฏิบัติธรรมะที่พิจารณาเห็นว่าควรปฏิบัติตามสมควร นี้เรียกปฏิบัติ หรือปฏิบัติธรรม ธรรมคือปฏิบัติ เมื่อได้ปฏิบัติไปได้ประสบผลอย่างไร อันเกิดสืบมาแต่ปฏิบัติ นี้เรียกปฏิเวธคือรู้ตามเป็นจริง หรือปฏิเวธธรรม ธรรมคือรู้ตามเป็นจริง
การปฏิบัติธรรมแยกออกเป็น ๒ คือ ตั้งจิตให้กำหนดอยู่ในที่มุ่ง (ที่เรียกว่า อารมณ์) อันเดียว ไม่ให้ฟุ้งส่ายไปในอารมณ์ต่าง ๆ เรียกว่าสมถะ ๑ พิจารณาให้เห็นตามเป็นจริง เรียกว่า วิปัสสนา ๑
พระพุทธศาสนาแสดงว่า บุคคลถึงจะได้ประสบผลดีมีอำนาจมากจนเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เหมือนกันหมด จะต่างกันก็เพียงช้าบ้าง เร็วบ้าง เพราะกำหนดนับเท่านั้น ถ้าว่าจ๋าเพาะเบื้องต้นกับเบื้องปลาย ก็คงเกิดและดับเหมือนกันหมด ไม่มีพิเศษกว่ากันเลย ความแก่ความเจ็บ ความตาย เป็นทุกข์ไม่มีใครชอบ แต่ที่ความแก่ ความเจ็บ ความตายมีก็เพราะมีความเกิดเป็นต้นเหตุ และความเกิดนั้นก็มีเพราะเหตุต่อขึ้นไปอีกคือ ตัณหา ความดิ้นรนใจ (แสดงตามนัยแห่งอริยสัจจ์ ๔) เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าและพระอริยสาวก จึงทำอริยมรรคให้เกิดขึ้น คือปฏิบัติตามอริยมรรค กำจัดตัณหาเสีย เมื่อไม่มีตัณหา ก็ไม่มีเกิด เมื่อไม่มีเกิด ก็ไม่มีไม่มีเจ็บไม่มีตาย เป็นอันพ้นทุกข์ด้วยประการทั้งปวง
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-06-2009 เมื่อ 15:34
เหตุผล: แก้ให้แล้ว
|