๔๙. ขุมทองวัดท่าซุง
“
หลวงพ่อ” เล่าให้ฟังหลายวาระว่า อาคารแทบทุกหลังในวัดปลูกคร่อมขุมสมบัติเอาไว้ สมบัติเหล่านี้เป็นทองคำธรรมชาติบ้าง ทองคำแท่งบ้าง ทองรูปพรรณและบรรดาแก้วแหวนเงินทองต่าง ๆ บ้าง... ขุมทรัพย์เหล่านี้มีเทวดาคอยรักษา โดยทั่วไปมักมีกำหนดว่าจะอยู่ตรงจุดนั้น ๆ เป็นเวลากี่ปี พอครบตามเวลา เทวดาก็จะพาย้ายหนีไปที่อื่น เรียกว่า
ทรัพย์เคลื่อนที่ เรื่องนี้ต้องถาม
นายดาบตระกูล เปาริก แกเห็นทรัพย์เคลื่อนไปอยู่ใต้อาคาร จุดเดิมเป็นช่องขนาดโอ่งมังกร ลึกถึงไหนก็ประมาณไม่ได้...
บรรดาแก้วแหวนเงินทองตามจุดต่าง ๆ ของประเทศ ถูกเทวดานำเคลื่อนเข้ามาภายในวัดเป็นจำนวนมาก ถ้าจะให้ประเมินคงเป็นพัน ๆ ตัน ที่อาตมาทราบแน่ ๆ คือ
ขุมทรัพย์ที่เขาพลอง จังหวัดชัยนาท และสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิที่
ทะเลซับ (มักเขียนเป็นทะเลทรัพย์) จังหวัดชุมพร ถูกเคลื่อนมาอยู่ในวัดแน่นอน...
แก้วแหวนเงินทองที่เขาพลองจำนวนก็เป็นตัน ๆ อยู่แล้ว ส่วนสมบัติจักรพรรดินั้นเป็นทองคำแท่งขนาดโตกว่าเสาซีแพ็กซะอีก แต่ละแท่งยาวเป็นเมตร นับไม่ถูกว่ากี่หมื่นกี่แสนแท่ง แค่สองแห่งก็เหลือคณาแล้ว แต่บรรดาเทวดาเขายังไม่พอ เฝ้าทรัพย์อยู่จะไปไหนก็ไม่ได้ เลยขนมาฝากวัดกันยกใหญ่ จนกระทั่ง “หลวงพ่อ” ต้องรีบสร้างกำแพงรอบที่ธุดงค์ร้อยกว่าไร่ เพื่อป้องกันคนขโมยขุดสมบัติ...
ความจริงใครขุดเทวดาก็เอาตายอยู่แล้ว แต่ด้วยความเมตตาผู้ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ หรือป้องกันคนโลภจะเอาชีวิตมาทิ้งซะเปล่า ๆ “หลวงพ่อ” จึงต้องเสียเงินเป็นล้าน สร้างกำแพงล้อมไว้ซะเลย...
อาตมาเป็นคนเชื่อยาก ดังนั้นเวลาสอนมโนมยิทธิให้เด็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง มี
อ๊อด กุ๊ก เก๋ เพ็ญ เป็นต้น จึงพาเขาไปดูสมบัติเป็นพยานไว้ว่ามีจริงแน่ ๆ เด็ก ๆ ตื่นเต้นกันใหญ่ที่เห็นสมบัติจำนวนมหาศาลเหลือคณานับ... ยัง...เท่านั้นยังไม่สะใจ อยู่มาวันหนึ่ง “หลวงพ่อ” มีบัญชาให้สร้างเพิงให้เป็นที่หลบร้อนของสุนัขหกสิบกว่าตัวของท่าน บรรดาช่างจำเป็นมี
พระสวัสดิ์ พระสุธน พระสัมฤทธิ์ (สามรูปนี้ลาสิกขาหมดแล้ว)
พระชลอ และอาตมา ช่วยกันกะแปลน ขุดหลุมเป็นการใหญ่...
เสาคอนกรีตที่มีอยู่ยาว ๔ เมตร กะจะให้เพิงสูงสองเมตรครึ่ง ต้องฝังเสาลงดินเมตรครึ่ง จึงช่วยกันขุดหลุมก่อนอื่น พอจวนได้ระดับเมตรครึ่งก็มีน้ำเจิ่งขึ้นมา ดินเริ่มเป็นทราย พอตักทรายจอบแรก ขึ้นมานั่นเอง... ประกายเหลืองอร่ามสะท้อนแสงอาทิตย์พราวระยับจับตา โอ้โฮ...ทองทั้งนั้นเลย...! ตักใหม่ก็ทองอีกนั่นแหละ เป็นทองธรรมชาติเม็ดละเอียดยิบ อาตมาและเพื่อน ๆ มองตากันอยู่ไปมา “
นี่ถ้าเป็นฆราวาสละก็...เสร็จผมแน่...” อาตมาบอก...
ตกลงขุดหลุมเดียว เอาเสาลงแล้วกลบ เสาที่เหลือใช้วิธีตัดให้สั้นแทน ขืนขุดต่ออาจมีเรื่องยุ่ง ขนาดนั้นก็ตาม อาตมาและพระทุกรูป ถูกเท้าลึกลับถีบร่วงลงจากเสาลงมาออกหัวออกก้อยกันครบครัน คนปากเสียคืออาตมา ได้แผลใต้ฝ่าเท้าเพิ่มมากกว่าคนอื่น แผลเบ้อเร่อ ต้องเดินตะแคงเท้าบิณฑบาตเป็นอาทิตย์ ๆ ปวดจะตายชัก สมน้ำหน้าตัวเองอยากปากหมาดีนัก...!
๘ เมษายน ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
บันทึกเพิ่มเติม
หลวงน้าสัมฤทธิ์กลับมาบวชใหม่ ส่วนพระชลอคือ
หลวงตาชลอ(พระครูปลัดชลอ วิมโล) วัดศาลพันท้ายนรสิงห์
๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ