มีหลวงตารูปหนึ่งที่วัดมาขอลาสิกขา หลังจากทำพิธีกรรมเสร็จ พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงตาท่านบวชมาแล้วตั้งใจปฏิบัติ พร้อมกับศึกษาเล่าเรียน ท่านอายุมากแต่สอบจนได้นักธรรมเอก ซึ่งส่วนใหญ่คนอายุมากแล้วสมองจะไม่ค่อยไหว คราวนี้ท่านเป็นโรคเบาหวาน ต้องมีคนดูแลอยู่ตลอด ท่านก็เลยไม่สะดวก ขอสึกกลับบ้านไปให้ลูกหลานดูแล เพราะพระเราด้วยกันดูแล อย่างไรก็ไม่เหมือนกับลูกหลานของตัวเองดูแล
เราจะเห็นว่าการสึกหลวงตาเมื่อครู่นี้ จะมีพิธีกรรม ๒ อย่างที่ลืมไม่ได้เลย อย่างแรกคือการแสดงคืนอาบัติ เท่ากับเป็นการชำระศีลของตนเองให้บริสุทธิ์ก่อน จะได้สึกในสภาพภิกษุที่มีศีลสมบูรณ์พร้อม ข้อที่ ๒ ก็คือการขอขมาพระ การอยู่ร่วมกันในคณะสงฆ์อาจมีการกระทบกระทั่งกันด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจบ้าง ก็ให้ขอขมากันก่อน อาตมาเป็นตัวแทนสงฆ์ เดี๋ยวกลับไปจะต้องแจ้งให้คณะสงฆ์ทราบ
เวลาที่พระสึก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้อธิษฐานว่า บุญเนกขัมมบารมีที่เราสร้างมาทั้งหมดในการบวชครั้งนี้ เราตั้งความปรารถนาอะไรก็ให้ขออย่างเดียว ถ้าหากว่าเป็นอาจารย์สมัยโบราณ อย่างหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ลูกศิษย์ไปขอสึก ท่านถามว่า “จะเอาเมียหรือจะขโมยควาย ?” ถ้าอยากได้เมีย ท่านเป่าหัวให้ สึกออกไปได้เมียแน่ ถ้าหากว่าอยากเป็นโจรขโมยควาย ท่านจะแถมเชือกให้ขดหนึ่ง ลูกศิษย์ก็นักเลงพอนะ บางคนจะไปเป็นโจรขโมยควายจริง ๆ เพราะมั่นใจว่าหาเมียเองได้ ไม่ต้องพึ่งหลวงพ่อหรอก ไปขโมยควายดีกว่า..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-07-2012 เมื่อ 16:44
|