"เรื่องของภาษาพอนาน ๆ ไปก็เพี้ยน เพราะว่าไม่มีใครเข้าใจรากศัพท์ที่มา อย่างกาญจนบุรีเขามีหนองยั้งช้าง ปัจจุบันนี้เป็นหนองย่างช้าง ยั้งช้างก็คือเวลาเดินทางเอาช้างไปหยุดพักที่นั่น ซึ่งเป็นแหล่งน้ำ เป็นที่อาศัยกว้างขวาง เป็นที่พักกลางทางได้ จึงเป็นหนองยั้งช้าง ปัจจุบันนี้คงหิวมากจึงย่างช้างกินกันเลย
อย่างเขานกเจ่า เพราะมีนกมาเกาะพัก ตอนนี้กลายเป็นเขานกจ้าว ไม่รู้เชื้อพระวงศ์ที่ไหนไปเลี้ยงนกที่นั่น พอนาน ๆ ไปภาษามีความเพี้ยนมากขึ้น แทนที่บรรดานักปราชญ์ราชบัณฑิตจะช่วยกันรักษาเอาไว้ ดันยิ่งเปลี่ยนกันให้พินาศหนักเข้าไปอีก
ทุกวันนี้หนังสือไทยที่อาตมาเรียนมาสมัย ป. ๑ - ๔ ใช้ไม่ได้เยอะเลย เขาแก้ไขจนกระทั่งทุเรศทุรังไปหมด แบบเดียวกับสิงโต เขาตัด “ห์” ออก คำว่า "สิงห์" มาจาก "สิงห" เป็นภาษาบาลี ต้องมี "ห์" พอแผลงเป็นไทยเป็นสิงโต เขาบอกว่าในเมื่อเป็นไทยแล้วทำไมแล้วต้องลากไปบวชเป็นบาลีด้วย ก็เอา "ห์" ออก
สมัยอาตมาเด็ก ๆ ใช้ ข้าวโภชน์ มาจากโภชนะ แล้วตอนหลังมาเปลี่ยนเป็นข้าวโพด สับปะรดก็เหมือนกัน ก่อนหน้านั้นเป็น สัปตรส แปลว่า ๗ รส ลองไปชิมสับปะรดให้ดี ๆ มีรสอะไรบ้าง เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด..ไม่ใช่เผ็ดธรรมดานะ เผ็ดสับปะรดเผ็ดกัดลิ้น จืด ขม มี ๗ รสจริง ๆ
"สัปตะ" กลายเป็น "สับปะ" ซึ่งแปลว่า งู แถมยังเปลี่ยนจาก "รส" เป็น "รด" ดังนั้น..สับปะรดในปัจจุบัน หมายถึง เอาน้ำไปราดงู"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2012 เมื่อ 02:40
|