พระอาจารย์บอกว่า "เรื่องของสมถะกับวิปัสสนา จริง ๆ เหมือนกับคนผูกขาติดกัน ต้องผลัดกันก้าวทีละขา ถ้าก้าวขาเดียวไปแล้วไม่ก้าวอีกขา พอไปถึงแล้วก็โดนกระตุกกลับเข้ามา
สมถะคือการสร้างกำลัง วิปัสสนาเป็นอาวุธ มีกำลังและอาวุธจะตัดจะฟันอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้น..เราภาวนาจนอารมณ์มันทรงตัวเต็มที่ ถ้าสังเกตแล้วจะรู้ว่าพอเต็มที่มันจะถอยของมันมาเอง ตอนที่มันถอยนี่แหละ ถ้าเราไม่หาวิปัสสนาให้มันคิด มันจะฟุ้งซ่านไปในรัก โลภ โกรธ หลงเลย แล้วจะรัก โลภ โกรธ หลงได้ชัดเจนมาก จนกระทั่งเขาบอกว่าอยากรู้ว่ามีกิเลสเท่าไหร่ให้ไปทำกรรมฐาน
นั่นเรื่องจริง เพราะถ้าเราใช้ไม่เป็น ด้วยความที่จิตมันนิ่ง จิตมีกำลัง ในเมื่อมีกำลัง ถ้าเราไม่ใช้ในด้านดีก็เอากำลังไปใช้ในด้านชั่ว รัก โลภ โกรธ หลงจะเด่นชัดมาก ๆ เลย
คราวนี้พอสมาธิเริ่มถอย เราก็หางานให้มันทำ ก็คือ วิปัสสนาญาณเอาให้มันคิด ให้เห็นว่าทุกอย่างเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้ จนยอมรับสภาพจริง ๆ ว่ามันเป็นอย่างนั้น ถ้ามันยังไม่ยอมต้องคิดใหม่
ตอนคิด เราจะคิดไปเรื่อย ๆ จิตมันจะดิ่งลึกไปเรื่อย จะเห็นชัดเจนไปเรื่อย จะกลายเป็นภาวนาอีกรอบหนึ่ง พอมันเข้าไปในการภาวนามันจะเป็นสมถะ เราก็ว่าสมถะไป ก็แปลว่าเมื่อกี้เป็นสมถะหนึ่งก้าว แล้วเรามาวิปัสสนาหนึ่งก้าว พอมันสุดแล้วมันเป็นสมถะอีกก้าวหนึ่ง ก็เลยเป็นภาวนาสลับพิจารณาไปเรื่อย
ไม่ใช่ไปเริ่มต้นใหม่นะ เราทำอย่างนั้นมันจะเข้าหาสมาธิของมันเอง เพียงแต่ว่าการพิจารณาจะดิ่งลึกเข้าไปเรื่อย ทำอันใดอันหนึ่งไม่พอ
สมถะอย่างเดียวมีกำลัง แต่ถ้าหากเผลอหลุดเมื่อไหร่กิเลสก็งอกงามใหม่ วิปัสสนาอย่างเดียวมันเป็นอาวุธก็จริง แต่ถ้ากำลังไม่พอมันก็ตัดอะไรไม่ได้ ต้องทำสองอย่างสลับกัน มันผูกขาติดอยู่ ทิ้งกันไม่ได้หรอก ถ้าทิ้งแล้วไปเอาอันเดียว มันหลุดได้ เพราะว่าเราต้องใช้สมาธิ ใช้ฌานสมาบัติกดรัก โลภ โกรธ หลงให้กิเลสกระดิกไม่ได้ ทับหญ้า ทับนาน ๆ หญ้ามันตาย แต่อย่าให้หลุดนะ ถ้าหลุดนี่มันงอกงามกว่าเดิมปกติหลายเท่าเลย
เรื่องของวิปัสสนาก็เหมือนกัน ถ้าหากเราคิดไป ๆ ก็จะเป็นสมาธิได้ แต่ว่าสมาธิในวิปัสสนากำลังจะน้อย กว่าจะตัดกิเลสได้ต้องสั่งสมไปเรื่อย ที่เขาบอกว่าให้ใช้สมาธิจดจ่อต่อเนื่อง จดจ่อต่อเนื่อง มันจะภาวนาไปเรื่อยตามที่เขาบอก ก็คือขาดไม่ได้ ถ้าทิ้งช่วงเมื่อไหร่ก็เจ๊งเลย
เราจะเห็นว่าต่อให้เป็นอาจารย์ที่มาสอนและสอบอารมณ์กับเราก็ตาม เผลอเมื่อไหร่ก็ไหลตามเรา ตอนสอบอารมณ์พอเขาหลุดจากสมาธิ ก็ไหลตามเราเหมือนกัน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-03-2011 เมื่อ 14:48
|