ส่วนในเรื่องของพุทธานุสติหรือภาพพระนั้น ดังที่เคยบอกไปแล้วว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหน นอกจากพระนิพพาน จึงให้ตั้งกำลังใจว่า ถ้าเราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน
หายใจเข้าภาพพระสว่าง ไหลลงไปอยู่ในท้อง หายใจออกภาพพระสว่าง ไหลขึ้นไปอยู่บนศีรษะ หายใจเข้าให้ภาพพระใหญ่ขึ้น ๆ ๆ จนครอบตัวเรา หายใจออกให้ภาพพระเล็กลง ๆ ๆ ไปอยู่บนศีรษะของเรา นี่เป็นสิ่งที่เราทำตามความชอบของตน หายใจเข้าให้ภาพพระเล็กลง หายใจออกให้ภาพพระใหญ่ขึ้น หรือหายใจเข้าให้ภาพพระใหญ่ขึ้น หายใจออกให้ภาพพระเล็กลง อยู่ที่ความชอบเฉพาะตน สิ่งนี้เป็นกีฬาสมาธิ เป็นการซักซ้อมให้จิตใจอยู่ในทางธรรม จะได้ไม่ฟุ้งซ่านไปสู่อารมณ์อื่น ๆ
พวกเราทั้งหมดส่วนใหญ่มีพื้นฐานสมาธิมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าสมาธิแต่ละระดับนั้นเป็นอย่างไร หรือไม่รู้ว่าจะซักซ้อมความคล่องตัวในการเข้าออกสมาธิอย่างไร ก็ให้ซ้อมด้วยการจับภาพพระนี้ กำหนดให้ใหญ่ให้เล็ก ให้ขึ้นให้ลง ไปซ้ายไปขวา ไปหน้าไปหลัง มีพระ ๑ องค์ ๒ องค์ ๓ องค์ ๔ องค์ ๕ องค์ แล้วแต่เราชอบใจ เลื่อนพระองค์ท่านสลับไปสลับมาก็ได้ เมื่อจิตมีงานทำ ก็จะตั้งมั่นอยู่กับงานเฉพาะหน้า ไม่ฟุ้งซ่านไปสู่อารมณ์อื่น ๆ
เมื่อพวกเราภาวนาจนกระทั่งจิตมีกำลังแล้ว ถ้าหากว่าทิ้งไปเฉย ๆ ไม่ได้ใช้ ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ดังนั้นเราจึงต้องนำเอากำลังนั้นมาพินิจพิจารณา ให้เห็นสภาพของความเป็นจริงของร่างกายนี้ เห็นสภาพความเป็นจริงของร่างกายคนอื่น เห็นสภาพความเป็นจริงของโลกนี้ ว่าทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ประกอบขึ้นด้วยความไม่เที่ยง มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2012 เมื่อ 19:07
|