ดูแบบคำตอบเดียว
  #77  
เก่า 16-08-2012, 08:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,692
ได้ให้อนุโมทนา: 152,017
ได้รับอนุโมทนา 4,417,940 ครั้ง ใน 34,282 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีดนี้ด้ามเป็นไม้อะไรครับ ?
ตอบ : ดูแล้วน่าเป็นแก่นไม้ประดู่ชิงชัน เพราะถ้าเป็นไม้พยุงจะดำไปเลย

ความจริงเทคนิคการหลอมโลหะในสมัยปัจจุบันควบคุมความร้อนได้ น่าจะมีนักตีมีดตีดาบสักคนหนึ่งที่ตั้งหน้าตั้งตาหลอมโลหะ ให้ได้ลักษณะที่โบราณเขาบอกไว้ว่า โลหะ ๓๐๐ ชั่ง หลอมเหลือ ๓๐ ตำลึง เวลาหลอมโลหะจะมีฝ้าลอยหน้าขึ้นมา ก็คือ ขี้โลหะนั่นแหละ หลอมไปหลอมไปน้ำหนักจะลดลงไปเรื่อย จนกระทั่งเหลือแต่เนื้อโลหะล้วน ๆ โลหะ ๓๐๐ ชั่ง หลอมเหลือ ๓๐ ตำลึงคงหมดฟืนไปเป็นป่าเลย

สมัยที่อาตมายังเด็ก ๆ ใกล้ ๆ บ้านคุณตาคุณยายมีโรงตีเหล็กอยู่ อาเจ็กเจ้าของโรงตีเหล็กเล่าให้ฟังว่า สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทหารญี่ปุ่นมาดูแกตีเหล็ก อาเจ็กก็ตีเหล็กชุบเหล็กไปตามแบบปกตินั่นแหละ ทหารญี่ปุ่นเขาดูแล้วยืนสั่นหัว ขอคีมขอค้อนแบบภาษาใบ้ อาเจ็กก็ส่งให้

ทหารญี่ปุ่นคีบพร้าที่แกตีเสร็จแล้ว ยัดกลับเข้าเตาเผาใหม่ เผาแล้วก็จ้องดูอยู่ จนได้ระดับที่เขาพอใจแล้ว ค่อยดึงออกมาชุบแล้วก็ตี พอตีเสร็จสรรพเรียบร้อย เขาให้อาเจ็กหยิบพร้าที่ตัวเองตีเสร็จถือไว้ แล้วก็เอาพร้าที่เพิ่งจะตี เพิ่งจะลับเสร็จ ฟันใส่ พร้าของอาเจ็กขาด ๒ ท่อนเลย..!

เขาบอกว่าความร้อนต้องถึงระดับหนึ่งที่เนื้อเหล็กเปลี่ยนสีไปได้ขนาด เขาชำนาญมากขนาดดูสีเนื้อเหล็กออก ว่าระยะนั้นเหล็กจะทั้งเหนียวทั้งคม ถ้าหากว่าขึ้นคมเสร็จแล้วสามารถตัดเหล็กด้วยกันได้ เหล็กชนิดเดียวกัน เพียงแต่ว่าระยะเวลาในการเผา ชุบ ตีต่างกัน ผลออกมาต่างกันได้ขนาดนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา