ที่สะสมไว้หลังจากได้ครบก็นำไปเลี่ยมเข้ากรอบพลาสติกเพื่อไว้สำหรับพกติดตัว แต่ตอนนี้ข้าวเปลือกนั้น"รอด"จากพี่ไปแล้วจ้ะ เพราะทำตั้งแต่สมัยบวชอยู่ เมื่อทำเสร็จพอมีผล กล่าวคือ ในขณะที่ยังบวชอยู่วันหนึ่งก่อนออกบิณฑบาตในตอนเช้า นึกขึ้นมาอย่างไรไม่ทราบ คว้าเอาข้าวเปลือกพิรอดที่ได้เลี่ยมไว้แล้วทำเป็นลักษณะแหนบ แบบที่ใช้เหน็บกระเป๋าอังสะไปได้ ขึ้นมาอาราธนาว่าคาถา แล้วก็พกติดตัวออกไป
ในขณะที่กำลังเดินกลับจากการบิณฑบาตนั้น โดยปกติการบิณฑบาตของพระภิกษุนั้น ต้องอยู่ในอาการสำรวม ตามองค้อมต่ำไปข้างหน้าประมาณชั่วแอกหนึ่ง กำหนดจิตภาวนานึกถึงพระพุทธเจ้า ทำจิตให้บริสุทธิ์ หรือท่องคาถาเงินล้านไปด้วยเพื่อเป็นการสงเคราะห์ญาติโยมขอให้มีความคล่องตัว จะไม่มีการมองซ้ายมองขวาส่งสายตาล่อกแล่ก หรือเดินไปคุยไปอย่างเด็ดขาด พอดีวันนั้นขณะเดินทางกลับจากการบิณฑบาตจิตเกิดความรู้สึกนึกถึงเรื่อง ๆ หนึ่งขึ้นมาได้ จึงหยุดเดินและหันไปบอกกับพระที่เดินมาด้วยกัน(ซึ่งปกติจะไม่ทำ) พอหยุดเดินและพูดคุยกันสักประโยคหนึ่ง ทางด้านข้างเกิดเสียงดังลั่น"ตูม! เอี๊ยดดดดดดดดดด" ปรากฎรถกระบะคันหนึ่งเกิดยางหน้าระเบิด รถเสียหลักเซเข้ามาข้างทาง ผ่านข้าง ๆ ตัวไป แล้วก็เซเข้าไปหยุดบริเวณขอบทาง ทางด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดที่คิดว่า"ถ้าไม่หยุดตรงนี้ ตอนนี้เราก็คงจะโดนสอยที่ตรงนั้นพอดี ๆ" เลยมานั่งนึกว่า"เอ เรารอดเพราะอานุภาพของข้าวเปลือกพิรอด หรืออะไรกันแน่?" พิจารณา ๆ ไป ไม่ว่าจะเกิดจากสิ่งใดก็ตาม ล้วนไม่พ้นไปจากความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ คุณครูบาอาจารย์ พรหม เทวดา และท่านผู้มีคุณทั้งหมด เลยเลิกคิด ยกถวายขึ้นเป็นความดีของท่านทั้งหมด ต่อมาภายหลังมีคนมาขอก็เลยถอดให้ไปเลยจ้ะ ๕๕๕
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-06-2009 เมื่อ 15:08
เหตุผล: บิณฑบาต ไม่มี ร เรือ ค่ะ
|