เมื่อต่างชาติต่างภาษายังเห็นประโยชน์ และพยายามที่จะแก้ไขป้องกันไม่ให้คนของเขามาปฏิบัติกรรมฐาน พวกเราทั้งหลายก็ควรจะรู้ว่า สิ่งที่เราทำอยู่นี้เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง ประกอบไปด้วย ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ประโยชน์สุขในปัจจุบัน เมื่อจิตของเราสงบระงับ ความทุกข์ร้อนต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นได้ยาก
สัมปรายิกัตถประโยชน์ เป็นประโยชน์ในชาติหน้า ถ้ากำลังใจของเราทรงตัวมั่นคง เราก็มีสุคติเป็นที่ไปอย่างแน่นอน และปรมัตถประโยชน์ เกิดประโยชน์สูงสุด คือมีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง สามารถตัดละเสียซึ่งร่างกายนี้และโลกนี้ ก็จะหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในกองทุกข์อีกต่อไป
เมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ให้ประโยชน์ทั้งในปัจจุบัน ให้ประโยชน์ทั้งในอนาคต และให้ประโยชน์สูงสุด แม้แต่ศาสนาอื่นยังเกรงกลัวว่าหลักธรรมที่ใช้ปฏิบัติในศาสนาพุทธ จะไปดึงศาสนิกชนของเขามาเสียหมด เราก็ต้องเห็นประโยชน์ว่า การที่เรามานั่งปฏิบัติภาวนานั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขส่วนตัวของเราโดยแท้
ถ้าเราทำแล้วกำลังใจของเราตั้งมั่น ในเบื้องต้นถ้ามีปัญหาทางโลกเกิดขึ้น เราก็จะมีสติ สามารถวิเคราะห์แยกแยะความก่อนหลังเร็วช้าของแต่ละปัญหา ปัญหาใดมาก่อนให้แก้ไขก่อน เราก็จะมีปัญหาอยู่เฉพาะหน้าเรื่องเดียว ซึ่งจะไม่หนักเกินกำลังที่เราจะทำได้
ถ้ามีปัญหาการปฏิบัติในทางธรรม ขอให้ตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ เท่านั้น ปัญหาทั้งหลายก็จะได้รับคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว ยกเว้นหลักการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นในช่วงท้าย ซึ่งจะเกิดความสงสัย และอาจจะต้องไต่ถามครูบาอาจารย์
ประโยชน์ทั้งหลายเหล่านี้ ทั้งผู้อื่นและตัวเราเห็นอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ก็ควรที่จะทุ่มเทในการปฏิบัติกรรมฐาน ให้เข้มแข็งจริงจังมากกว่านี้ เพื่อที่ผลดีไม่ว่าจะในปัจจุบัน ในอนาคต หรือว่าความดีสูงสุด จะได้เกิดขึ้นกับเราอย่างแท้จริง
ลำดับต่อไป ก็ขอให้ทุกคนตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกาและเถรี)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 02:55
|