"ถ้าจะทำ ก็ต้องให้เขาริเริ่มทำกันเอง และอย่าให้งานประจำของพระเสีย ไม่ใช่ไปบอกหรือไปสั่งให้ทำ แต่ขณะเดียวกันวัดท่าขนุนมีระเบียบห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไรอยู่แล้ว ใครจะทำบุญให้เขามาร้องขอ ให้เขามาทำเอง เพราะฉะนั้น..ตรงนี้ถึงพระใหม่เสนอขึ้นมา อาตมาก็จะชี้ระเบียบให้ดูว่าอยากโดนไล่ออกทั้งหมดไหม ? เพราะถ้าไปทำก็เท่ากับให้ไปบอกบุญไปเรี่ยไรนั่นเอง
จากที่ว่ามาทำให้เราได้เห็นว่า ปัจจุบันนี้พระที่บวชเข้าไปแล้ว ส่วนใหญ่ไม่ได้บวชไปเพื่อเรียนในไตรสิกขา คือสีลสิกขา ศึกษาปฏิบัติในเรื่องของศีล จิตตสิกขา ศึกษาและปฏิบัติในเรื่องของสมาธิภาวนา ปัญญาสิกขา ศึกษาและปฏิบัติในการใช้ปัญญาพิจารณาตัดกิเลส แต่กลายเป็นบวชเข้าไปแล้วไปให้พระอุปัชฌาย์อาจารย์ต่าง ๆ ใช้สอยตามความถนัดของตนที่เคยมีมาตั้งแต่เป็นฆราวาส
ถึงได้บอกว่า ถ้าต้องทำงานอย่างนั้น อยู่บ้านทำดีกว่า เพราะว่างานหลายอย่างทำแล้วได้เงินด้วย บวชเข้าไปให้พระอุปัชฌาย์อาจารย์ใช้ทำงาน นอกจากจะไม่ได้เงิน..เหนื่อยฟรีแล้ว ความดีในการบวชยังหาไม่ได้อีกต่างหาก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2012 เมื่อ 01:58
|