ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมนักปฏิบัติที่ฟังรายการเสียงธรรมจากมหาจุฬาอาศรมอยู่ในขณะนี้ว่า
ถ้าอยากให้กำลังใจกลับไปสู่ระดับเดิม ต้อง "สักแต่ว่าภาวนา" คือเรามีหน้าที่ภาวนาเท่านั้น จะได้หรือไม่ได้ จะเป็นหรือไม่เป็นก็ช่างเถิด ถ้าวางกำลังใจแบบนี้ ท่านทั้งหลายก็จะสามารถกลับเข้าไปสู่อารมณ์เดิมได้อีกครั้ง
คราวนี้อานิสงส์ในเบื้องต้นที่เป็นทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์นั้น ความจริงยังมีมากมายกว่านี้อีก ก็เพราะว่าในขณะที่กำลังใจของท่านทั้งหลายสงบระงับ มีความสุขเยือกเย็น เนื่องจากว่าไฟใหญ่ ๔ กอง คือ ไฟรัก ไฟโลภ ไฟโกรธ ไฟหลง ซึ่งแผดเผาเราอยู่ตลอดเวลานั้น โดนอำนาจของสมาธิภาวนาจากการปฏิบัติพระกรรมฐานกดให้ดับลงไปชั่วคราว
เมื่อท่านทั้งหลายไม่ต้องไปส่งส่ายวุ่นวาย ดิ้นรนอยู่กับความเร่าร้อนของการแผดเผาจากกิเลส กำลังใจของท่านสงบ ระงับ มั่นคง มีความนิ่ง มีความเย็น มีความใสแล้ว ท่านทั้งหลายจะยกหัวข้อธรรมข้อใดขึ้นมาพินิจพิจารณา ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะเห็นแจ้งได้อย่างง่ายดาย
ถ้าหากว่าเข้ามาถึงตรงระดับนี้แล้ว อานิสงส์ในระดับต่อไปของการปฏิบัติกรรมฐาน ที่เรียกว่า สัมปรายิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ในชาติภพต่อ ๆ ไป ก็จะบังเกิดขึ้นแก่เราทั้งหลายได้
เนื่องเพราะว่าเมื่อกำลังใจของท่านทั้งหลายหนักแน่น มั่นคง เคยชินอยู่กับสมาธิภาวนาแล้ว ถ้าหากว่าเสียชีวิตหรือหมดอายุขัยลงไปด้วยเหตุหนึ่งประการใดก็ตาม ความมั่นคงในสมาธิภาวนานั้น ย่อมนำท่านทั้งหลายไปสู่สุคติตามกำลังของตน
คำว่า สุคติ ในที่นี้ เราหมายเอาตั้งแต่มนุษย์ชั้นดี เทวดา นางฟ้า หรือว่าพรหม ตลอดจนกระทั่งอรูปพรหม ซึ่งแล้วแต่กำลังใจของท่านทั้งหลายที่จะเข้าถึงได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2023 เมื่อ 09:29
|