ดูแบบคำตอบเดียว
  #525  
เก่า 14-07-2020, 14:31
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ด้วยความจำเป็นเช่นนี้ ท่านจึงเข้าซักถามกับแม่ครัว เพื่อดูว่ามีปัญหาอะไร ต้นสายปลายเหตุอย่างไร เมื่อเข้าใจเหตุผลแล้ว ท่านก็ชี้ปัญหาและการแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา ดังนี้
“... เราเอาอย่างหนัก ๆ เลยทีเดียว เพราะมันไม่ลงกัน แม่ครัวมีแต่เขาโค้ง ๆ ตัวใหญ่ ๆ ตัวทิฐิมานะใหญ่ ๆ ทั้งนั้นอยู่ในครัว พออาจารย์เจี๊ยะพูดคำหนึ่งเขารุมมานี้.. หลงทิศ เมาหมัด พอทางนี้พูด ทางนั้นขึ้น.. ทางนี้ขึ้นเลยนะ ฟาดอาจารย์เจี๊ยะ จนกระทั่งอาจารย์เจี๊ยะได้มากระซิบกับเรา
‘นี่ ๆ ท่านอาจารย์เห็นไหม ผมพูดอะไรไม่ได้นะ’


เราก็นิ่งเฉย.. ฟัง บทเวลาเราจะพูด บอกตรง ๆ เลย เราบอกชัดเจนเลย เอาอย่างเด็ดนี่นะ ไม่เด็ดไม่ได้
‘เอ้า.. ให้พูดคนละฝ่าย ฝ่ายไหนจะพูดเรื่องราวอะไร ให้พูดมาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ฝ่ายหนึ่งให้นิ่ง ฝ่ายไหนจะพูดออกมา ทางนี้ให้เงียบหมด พอทางนั้นเสร็จเรียบร้อย เอ้า.. ทางนี้พูด ทางนั้นให้เงียบ ๆ’


ครัวก็มีแต่เขาโค้ง ๆ พูดให้มันชัด ๆ เสีย โอ้โหย.. ไม่ใช่เล่น ๆ นะ นั่นก็เอาอีกแหละ เข้าไปก็ใส่เปรี้ยงเลยเทียว นี่ก็ขบขันดีเหมือนกัน ทางนี้พูด ทางนั้นจะแย็บออกมาไม่ได้ ฟัดเลยนิ่งหมด
‘เอ้า.. ทางนี้มีอะไร เอ้า พูดออกมาให้หมด บอกให้หมด’


พอหมดแล้ว ‘หมดแล้วเหรอ’

‘หมดแล้ว’

เอ้า ทางนี้ขึ้น ทางนี้เงียบ ทางนี้ก็เงียบ ทางนั้นขึ้นเต็มที่ ๆ เราก็เอาทั้งสองเข้ามาประมวลกัน ไม่เอามากละ เอาเด็ดเสียด้วย เราว่า
‘เวลานี้พวกเราทั้งหลาย มากันในนามลูกศิษย์ของท่านพ่อลีนะ เราไม่ได้มาในนามอาจารย์ของท่านพ่อ เมื่อต่างคนต่างไม่ได้มาในนามของอาจารย์ท่านพ่อ เป็นลูกศิษย์ของท่านพ่อด้วยกันทั้งสองฝ่าย การมาทะเลาะเบาะแว้งอย่างนี้ มันเป็นการเสริมเกียรติท่านพ่อ หรือเป็นการเหยียบท่านพ่อลง เอ้า..ตอบ’ นั่น ขึ้นอย่างนี้นะ ขึ้นงี้เลย


‘เวลานี้ท่านพ่อ ท่านไม่มีอะไร ท่านนิ่ง ๆ ฟังเหตุการณ์ของพวกเราอยู่ซึ่งกำลังกัดกัน.. วาสนาบารมีของท่านพ่อเป็นยังไง.. เราถึงมาทำอย่างนี้ เพราะเราทุก ๆ คนก็มาในนามลูกศิษย์ แล้วทำไมถึงจะปฏิบัติต่อกันไม่ได้ล่ะ ? ทำไมถึงกระทบกระเทือนถึงท่านพ่อ หากว่าท่านพ่อมาว่าแบบนี้จะว่ายังไงล่ะ ? ท่านพ่อจะพูดไม่กี่คำนะ จะพูด ๒ - ๓ คำแล้วพวกเราจะแก้ได้ไหม ? ...

เอ้า.. นี่หากว่าท่านพ่อ ท่านดำเนินตามความรู้ความเห็นของท่านแล้ว.. ท่านเตรียมบริขาร ๘ เท่านั้น เดินผ่านพวกเราที่เป็นลูกศิษย์ทั้งหลาย อวดอ้างตัวเองว่าเป็นลูกศิษย์ท่านพ่อ ๆ ทั้งวัดนี้น่ะ ท่านเดินผ่านมานี้ว่า อาตมาไม่มีวาสนาแล้วเวลานี้ มีลูกศิษย์เท่าไรก็ไม่สามารถที่จะระงับ หรือจะส่งเสริมวาสนาอาตมาได้
“อาตมาจะไปแล้วนะ อาตมาไม่มีวาสนาบำเพ็ญพาลูกศิษย์ลูกหา พาทำงานคราวนี้ก็ไม่ได้ อาตมาจะไปตาบุญตามกรรมของอาตมา”


สะพายบาตรเดินผ่านออกไปนี้ เอ้า.. ทั้งหมดนี้ใครจะไปเอาท่านกลับคืนมาได้ มีไหม เอ้า..ว่าซิ ท่านก้าวออกจากวัดนี้ไป เอ้า.. ใครจะติดตามไปเอาท่านมาได้ไหม ? ถ้าหากว่าพวกเราไม่รีบแก้ไขตั้งแต่บัดนี้.. ก็เวลานี้เหตุการณ์ยังอยู่ในฐานะสมควรที่จะแก้ไข พิจารณากันได้อยู่ในระหว่างลูกศิษย์ทั้งหลาย ที่จะคุยกันเพื่อส่งเสริมครูบาอาจารย์ แล้วปฏิบัติกันไม่ได้เหรอ ? ทำไมจะทำไม่ได้ แล้วจะให้ครูบาอาจารย์ออกหนีด้วยการว่าท่านมีวาสนาน้อย ในขณะเดียวกันพวกเราวาสนาเป็นยังไง ตอนนี้ท่านยังไม่ไป เราจะพิจารณายังไง ไอ้เรื่องแม่ครัวเขาก็มาในนามเป็นลูกศิษย์ทุกคน ไปโรงไหน ๆ ติดต่อโรงไหนก็ได้แม่ครัว ยากอะไร แต่หาครูบาอาจารย์นี้.. หาได้ง่าย ๆ เหรอ’

ในครัวเรียบวุธ นิ่งหมดเลย เห็นโทษของตัวเองหมด ยอมรับตามเหตุผลของเราทุกอย่าง ทีนี้ก็ลงพรึบเลย..”

พอท่านพูดถึงจุดนี้ ก็เหมือนเป็นการกระตุกเตือนใจ.. ให้ระลึกถึงบุญคุณท่านพ่อลี ที่อุตส่าห์เมตตาแนะนำสั่งสอนให้รู้ผิดชอบชั่วดี พอเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา ต่างมีแก่ใจแข็งขันปัดปัญหาเหล่านั้นให้จางไป ไม่เห็นเรื่องขัดอกขัดใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่ากิจการงานของครูบาอาจารย์ ต่างขันอาสารับปากรับคำท่านขึ้นในทันที ดังนี้
“... คนนี้จะไปติดต่อครัวนั้น คนนั้นไปติดต่อครัวนี้พรึบเดียวเลย เพราะเห็นโทษที่ท่านจะเตรียมของออกมาเดินฉากหน้าไปนี้ .. ลงกันทันทีเลย พอเรากลับออกมาแล้วประกาศ

แม่ครัวนี้พรึบเดียว ยังไม่ถึง ๒ ทุ่ม ฟาด ๒ ร้อยคนแล้ว พอ ๒ ทุ่มกว่า ๒ ร้อยกว่าคน พอ ๓ ทุ่ม มีถึง ๓ ร้อยคน พอ ๙ โมงเช้านี้ออกมา ๓ ร้อยกว่า .. เรื่องราวเรียบไปเลย เพราะเห็นโทษที่ท่านจะก้าวหนีจะเป็นยังไง อันนี้มันหนักมากขนาดไหน มันยอม มันเห็นโทษเลยพรึบเลย แม่ครัวเต็มเอี๊ยดเลยพอ เรียบตั้งแต่นั้นไม่มีเรื่องกันเลย จนกระทั่งท่านได้ขยายงานออกไปอีกเป็น ๓ อาทิตย์ โดยไม่มีปัญหาขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้น เรื่องต่าง ๆ ก็สงบไปหมด เรียบตลอดเลย

นี่เราก็ไม่ลืม เรื่องราวเราล่ะเข้าระงับเรื่องครัว จากนั้นแล้วเราเอาสองเรื่องนี้มาประมวลกัน ก็ใส่ตูมไปเลย เรียบร้อยไปเลย ก็อย่างนั้นแล้ว นั่นล่ะเรื่องราวมันจึงไประงับ ท่านคงจะเห็นผล ..

ท่านเลยขยายงานออกไปอีกเป็น ๓ อาทิตย์ ทีแรก ๒ อาทิตย์ เห็นว่าเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง ก็ให้เลื่อนงานออกไปอีกเป็น ๓ อาทิตย์ แต่เราไปไหนไม่ได้นะ ท่านเห็นหน้าเราก็ว่า ‘มหาบัว..ไปไหนไม่ได้นะ ยังไม่เสร็จ.. มหาบัวไปไหนไม่ได้นะ งานยังไม่เสร็จ’

ท่านอาจารย์ลีกับเรามักจะเป็นอย่างนั้นละ ก็เดชะอยู่ไประงับที่ไหนเรียบทุกแห่ง ไม่เคยเหยียบหัวเราไปด้วยงานไม่สงบ ไม่เรียบร้อยไม่มี ไปทีไรก็เรียบร้อยทุกอย่าง อย่างวัดอโศการามก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อันนั้นก็เรียบไปเลย เป็นอย่างนั้น...”

คงเพราะเหตุการณ์จุดนั้น ด้วยส่วนหนึ่งเป็นผลให้ท่านพ่อลีสงวนท่านไว้ ไม่ยอมให้ท่านไปไหนตลอดระยะงานฉลองครั้งนั้น และเมื่อท่านพ่อลีเจอหน้าท่านครั้งใด มักจะพูดขึ้นแบบคนสนิทคุ้นเคยเช่นนี้

จากนั้นท่านพ่อลีก็พาท่านเดินไปดูที่นั่นที่นี่ ในตอนเช้าเวลาเลี้ยงอาหารกันบ้าง หรือดูเรื่องอื่น ๆ บ้าง ทำให้ทุกคนในงานครั้งนั้น.. เห็นถึงความเมตตาสนิทสนมที่ท่านพ่อลีมีต่อท่านอย่างเป็นกรณีพิเศษ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2020 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 9 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
ภาวนามัย (25-04-2024), สุธรรม (15-07-2020)