ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 04-04-2013, 20:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,603
ได้ให้อนุโมทนา: 151,769
ได้รับอนุโมทนา 4,412,282 ครั้ง ใน 34,193 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ที่อาตมาไปสอนพระนิสิต เรื่องของปัจจัยไม่ใช่จุดมุ่งหมาย ปกติแล้วที่ไปสอนเพราะตั้งเจตนาไว้ว่า จะไปเตือนสติพระนักเรียน ว่า อย่าให้ลืมความเป็นพระของตน เพราะฉะนั้น..อาตมาจะเป็นพระอาจารย์ที่เขาค่อนข้างจะเบื่อขี้หน้า พอถึงเวลาก็จะไปกระตุกต่อมจริยธรรมให้รู้ตัวขึ้นมาทีหนึ่ง เขาก็จะกินไม่เป็นสุข อยู่ไม่เป็นสุขไปพักใหญ่ พอเริ่มทำใจให้หน้าด้านได้ อาตมาก็ไปกระตุกซ้ำอีกแล้ว

ฉะนั้น..ที่ยอมรับเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย จุดมุ่งหมายจริง ๆ ก็คือเพื่อที่จะไปบอกกับพวกเขาว่า ถ้าคุณเป็นพระนักปฏิบัติจริง ๆ การเรียนไม่มีอะไรยากเลย เพราะถ้าสมาธิทรงตัว เราฟังอะไรครั้งเดียวก็เข้าใจแล้ว

จะว่าไปแล้วอาตมาพื้นฐานการเรียนทางโลกน้อยมาก จบแค่ชั้น ม.ศ.๓ (มัธยมศึกษาปีที่ ๓) เท่านั้น ถึงจะไปเรียนวิชาทหารมา วิชาพวกนั้นก็สอนแต่ให้ฆ่าอย่างเดียว แต่ปัจจุบันนี้เรียนปริญญาเอกอยู่เพื่อนทั้งห้องต้องมาพึ่ง ก็เพราะว่าในส่วนที่อาตมาฟังแล้วเข้าใจ และรู้ว่าอาจารย์ท่านต้องการอย่างไร

อย่างเมื่อล่าสุด ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระราชวรเวที ถ้าวันนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดท่านจะมาเป็นประธานในการเจริญพุทธมนต์ ท่านเป็นพระนักปฏิบัติกรรมฐานที่สุดยอดมาก และอาตมาก็เป็นคู่ปรับท่านมาตั้งแต่สมัยเรียนประกาศนียบัตร เรียนปริญญาตรี เรียนปริญญาโท พอถึงปริญญาโทท่านเลิก ท่านไม่ยอมให้อาตมาเป็นคู่ปรับด้วย เพราะว่าท่านเจ้าคุณอาจารย์ท่านลงได้บรรยายธรรมเมื่อไร ท่านจะหลับตาว่าไปเรื่อย สองชั่วโมงก็แล้ว สามชั่วโมงก็แล้ว สี่ชั่วโมงก็แล้ว ลักษณะอย่างนั้นต้องเป็นบุคคลที่ทรงฌานเท่านั้น ถ้าทรงฌานไม่ได้ก็ไม่สามารถที่จะลำดับความ แล้วบรรยายได้มากขนาดนั้นได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 20:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 252 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา