ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 16-11-2011, 10:41
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. “ให้สังเกตอารมณ์ของจิตในอันที่จักเกิดปัญญาได้ มีการพิจารณาธรรมได้คล่องตัว เพราะเวลานั้นเกิดศีลบริสุทธิ์ขึ้นในจิต จิตไม่ยุ่งกับปฏิปทาของผู้อื่นด้วย จิตวางกังวลในขันธ์ ๕ ลงด้วย จิตไม่ตกเป็นทาสของนิวรณ์ ๕ ด้วย จิตสงบ จิตเป็นสุข มีสมาธิตั้งมั่น ปัญญาพิจารณาธรรมก็เกิดขึ้นตรงนั้น ให้จำอารมณ์ตรงนี้เอาไว้ให้ดี จักได้มีจิตพร้อมไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญา และพิจารณาเข้าถึงธรรมได้โดยง่าย อย่างเช่น การพิจารณากายคตาบวกอสุภะฯ และธาตุ ๔ อย่าใจร้อน ให้มีความใจเย็น เพียรพิจารณาไปอย่างละเอียดรอบคอบ แล้วจักทำให้เกิดปัญญา พิจารณาร่างกายหรือขันธ์ ๕ ได้ตามความเป็นจริง ถ้าพิจารณาไปไม่ไหว ก็ให้ตรวจดูบารมี ๑๐ ว่าบกพร่องตรงไหนบ้าง ให้ปรับปรุงที่ตรงนั้น อย่างตัวใจร้อนถือว่าขาดเมตตาบารมี ไม่สงสารจิตของตนเอง ที่ไม่ยอมมีกำลังใจพิจารณาปลดขันธ์ ๕ ให้พ้นจากจิต ที่ยังมีความเร่าร้อนมัวเมาอยู่กับขันธ์ ๕ หรือร่างกายนี้ต่อไปอีก ให้พิสูจน์กำลังใจหรือบารมี ๑๐ กันที่ตรงนี้”

๕. “อย่ากังวลกับเรื่องงานให้มากเกินไป หาเวลาพักผ่อนบ้าง เพื่อจักได้ไม่เบียดเบียนร่างกายให้มากจนเกินไป จิตที่อาศัยกายอยู่จักได้ไม่ถูกเบียดเบียนไปด้วย อย่าคิดเอาแต่รักษาจิตอย่างเดียวไม่ได้ จักต้องหมั่นรักษากายด้วย เพราะในขณะมีชีวิตอยู่นี้ กายกับจิตจักต้องคอยอาศัยซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลา ให้สังเกตกายถูกเบียดเบียนเมื่อไหร่ จิตก็พลอยถูกเบียดเบียนไปด้วย เพราะฉะนั้น จงอย่าเบียดเบียนร่างกายให้มากจนเกินไป มองตัวพอดีหรือมัชฌิมาเอาไว้บ้าง” (จุดนี้ก็คือว่าขาดเมตตาบารมี เพราะเป็นการเบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นด้วย)

๖. “ให้เห็นธรรมดาของโลก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ตั้งอยู่บนความเสื่อมแล้ว ก็ดับไปเป็นธรรมดาตามกฎของไตรลักษณ์ ดังนั้น... การช่วยเหลือคนก็ดี สัตว์ก็ดี ให้ช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจ อย่าไปหวังผลตอบแทน และเมื่อช่วยแล้วไม่ได้ผลตามที่เราหวัง ตามที่เราตั้งใจ ก็ปล่อยวาง ให้ถือว่านี่เป็นกฎธรรมดา ทุกสิ่งทุกอย่างจักให้เป็นไปตามที่เราหวังดี สมปรารถนานั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ กฎของกรรมย่อมอยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด แม้กระทั่งเรื่องพระภิกษุสงฆ์ภายในวัด ปั่นป่วนมากหลังที่ท่านฤๅษีทิ้งขันธ์ ๕ ไปแล้ว นี่ก็เป็นกฎของกรรมทั้งหมด สุดวิสัย อย่าไปฝืนกรรม ปล่อยให้เป็นไปตามกรรม จงอย่าห่วงวัดท่าซุงมากไปกว่าห่วงจิตของตนเอง เพราะวัดท่าซุงไปรอดแน่ แต่ระยะนี้เป็นช่วงกรรมอกุศลให้ผลก็ต้องเป็นไปตามนั้น (๑๗ พ.ค. ๓๙) อย่ากังวลกรรมของผู้อื่น หรือกรรมของวัดให้เสียเวลา ถ่วงมรรคผลของการปฏิบัติเปล่า ๆ ตัดใจอย่าไปห่วงเรื่องภายนอก เอาเวลามาห่วงเรื่องภายใน คืออารมณ์จิตของตนเองดีกว่า” (จุดนี้ก็ขาดเมตตาบารมี เพราะขาดปัญญาบารมี)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-11-2011 เมื่อ 01:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา