ชื่อกระทู้: คิริมานนทสูตร
ดูแบบคำตอบเดียว
  #24  
เก่า 02-03-2010, 15:53
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,886 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๐.๒๐ คฤหัสถ์ นักบวช ที่กล่าวว่าตัวรู้ ตัวเห็นและพูดจากับผีได้ เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่ควรเชื่อเอามาเป็นครู ธรรมข้อนี้ละเอียดอ่อนมาก ทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่าย ๆ และลงนรกได้ง่าย ๆ หากรู้ไม่จริงเพราะคนเราเกิดตาย ๆ มานับชาติไม่ถ้วน ค่อย ๆ สะสมบารมีหรือกำลังใจให้มากขึ้น ๆ จนเต็ม บางคนได้พบพระพุทธเจ้ามานานแสนนาน ตั้งแต่พระพุทธเจ้าองค์แรก (สมเด็จองค์ปฐม) เพราะเคยเป็นลูกเป็นหลานท่านมาก่อน มาจนถึงปัจจุบันนับเป็นอสงไขยกัปนับไม่ถ้วน ก็ยังไปไม่ถึงพระนิพพาน

พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร มีหลักฐานในพระไตรปิฎกมีความโดยย่อว่า เมื่อ ๙๑ กัปที่แล้วทั้งสองท่านเกิดเป็นฤๅษี ได้สมาบัติ ๘,ได้อภิญญา ๕ มีลูกศิษย์ฝ่ายละ ๑๕,๐๐๐ คน เมื่อทราบว่ามีพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า สมเด็จพระปทุมมุตตระ ลงมาตรัสในโลกมนุษย์ ก็พาลูกศิษย์ของตนไปทำบุญ และขอฟังธรรมจากพระองค์

เมื่อพระองค์เทศน์จบ ลูกศิษย์ทุกท่านจบกิจเป็นพระอรหันต์หมด ยกเว้นอาจารย์ ๒ องค์ ไม่ยอมจบ เพราะมีนิวรณ์รบกวนจิตท่าน ต้นเหตุคือ ท่านไปพอใจในจริยาของอัครสาวกซ้าย-ขวา ของพระพุทธเจ้าเข้า ทำให้ไม่จบกิจ ทุกสิ่งมาตามกรรม อยู่ด้วยกรรมและไปตามกรรม คือกรรมลิขิต ซึ่งเที่ยงเสมอและให้ผลไม่ผิดตัวด้วย

ทั้งสองท่านเคยทำบุญแล้ว อธิษฐานขอเป็นอัครสาวกของพระพุทธเจ้าองค์ใด กรรมที่ท่านทำไว้ ท่านก็จะต้องมาเป็นอัครสาวกของพระพุทธเจ้าองค์นั้น ท่านเกิดตาย ๆ มานับชาติไม่ถ้วน สะสมบารมีมาเรื่อย ๆ ได้พบพระพุทธเจ้ามาหลายพระองค์ ได้ฟังธรรมจากพระองค์ ก็ไม่เคยบรรลุ จะต้องมาพบพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่ท่านเคยอธิษฐาน ตอนที่ท่านปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า แล้วทั้งสองท่านไปอธิษฐานขอเป็นพระสาวก กรรมนี้จึงต้องเป็นไปตามที่ตนอธิษฐานไว้

สาวกแปลว่าผู้รับฟัง ไปฟังใครก็ตาม จะดีแค่ไหนก็ไม่จบกิจ จะต้องมาฟังธรรมจากองค์ที่ตนอธิษฐานไว้เท่านั้น จึงจะจบกิจได้ ที่เขียนมายาวก็เพื่อจะอธิบายว่า มีบางคนท่านรู้ ท่านเห็นผีและพูดกับผีได้ แต่มีน้อย ตามตำราและหลวงพ่อฤๅษีท่านสอนไว้ความว่า บุคคลใดทรงฌาน ๔ ได้ ก็สามารถเห็นผี เห็นเทวดา และคุยกันได้ ยิ่งได้อภิญญา ๕ มาก่อนในอดีตชาติ จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเหล่านี้

ดังนั้น..ธรรมะในข้อนี้ พระองค์ทรงหมายถึงปุถุชนคนธรรมดา ที่ยังไม่มีศีล ๕ บริสุทธิ์ ยังไม่ได้ฌานสมาบัติ ไม่เคยมีบุญเก่าในอดีตมาก่อน ก็ไม่สามารถจะเห็นผี เห็นเทวดาและคุยกับเทวดาได้ แต่อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อฤๅษีท่านสอนลูกศิษย์ไว้ว่า เรื่องการเห็น การรู้เรื่องนอกตัวเรา จงอย่าใช้กำลังใจของตนเอง ให้ขอบารมีของพระพุทธเจ้า ขอบารมีพระอริยเจ้าที่เราเคารพนับถือท่าน ขอความเมตตาจากท่าน ให้ได้รู้ ได้เห็น สิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องการ จะถูกต้องและมั่นคงกว่าการใช้กำลังใจ (บารมี) ของเรา ซึ่งมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย แม้ตัวท่านเองก็ยังต้องขอบารมีพระพุทธเจ้าก่อนเสมอ แล้วเราเป็นศิษย์ จะไปอวดดีกับอาจารย์ได้หรือ ?

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-03-2010 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา