ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 15-07-2010, 00:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,634
ได้ให้อนุโมทนา: 151,878
ได้รับอนุโมทนา 4,414,194 ครั้ง ใน 34,224 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ขอสรุปลงตรงที่ว่า อานาปานสติ คือ ลมหายใจเข้าออกของเรานั้น เป็นตัวระงับความฟุ้งซ่านที่ดีที่สุด

เมื่อจิตเริ่มทรงตัวเป็นอัปปนาสมาธิ ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ความแหลมคมว่องไวของสติปัญญานั้นจะมีมาก ทำให้สามารถกำหนดอยู่กับลมหายใจเข้าออกอันเป็นปัจจุบัน โดยไม่ไปนึกคิดปรุงแต่งในอารมณ์อื่น ๆ ที่ไปในอดีตและไปในอนาคต ซึ่งมีแต่จะสร้างโทษให้แก่เรา

เมื่ออานาปานสติ คือ ลมหายใจเข้าออก มีคุณถึงปานนี้ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราต้องปฏิบัติ อย่าได้ละทิ้ง การปฏิบัติก็อย่าได้มีเวลามานั่งเป็นการเฉพาะ ถ้ายังต้องรอเวลาการนั่งโดยเฉพาะ เราก็ยังเอาดีได้ยาก

เราต้องฝึกปฏิบัติให้ถึงระดับที่ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็ตาม ไม่ว่าจะทำการทำงานใด ๆ ก็ตาม ต้องสามารถรู้ลมหรือรู้คำภาวนาไปพร้อม ๆ กันด้วย ถ้าทำได้ดังนั้น ท่านทั้งหลายก็จะมีความมั่นคงของสภาพจิตที่เพียงพอแก่การใช้งาน เพราะกิเลสไม่ได้กินเราเฉพาะตอนนั่งกรรมฐาน กิเลสนั้นกินเราอยู่ตลอดเวลา

ไม่ว่าจะยืน เดิน นอน นั่ง ดื่ม กิน คิด พูด ทำ ก็ตาม กิเลสจะฉวยโอกาสสอดแทรกเข้ามาเพื่อที่จะกินเราอยู่ เราจึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดรู้ในลมหายใจเข้าออกให้แน่วแน่และมั่นคง ในอิริยาบถอื่น ๆ ก็จำเป็นที่จะต้องทรงตัวให้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเราก็ไม่สามารถที่จะรบราต่อสู้กับกิเลส ไม่สามารถที่จะระงับยับยั้ง ไม่สามารถที่จะห้ำหั่นตัดทิ้งไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-07-2010 เมื่อ 02:39
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา