ดูแบบคำตอบเดียว
  #399  
เก่า 22-12-2018, 22:10
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

เป็นพระอรหันต์น้อย ๆ แล้ว ??

“... ผู้บำเพ็ญธรรมจะรู้วิถีจิตของตน เวลาลำบาก ๆ ล้มลุกคลุกคลาน ถึงกาลเวลาที่มันค่อยเป็นค่อยไป มันค่อยเป็นค่อยไปของมัน ต่อจากนั้นก็หมุนไปเองเลย หมุนไปเอง ๆ เริ่มเป็นสติปัญญาอัตโนมัติ จากนั้นก็สติปัญญาอัตโนมัติ ความเพียรโดยลำพังตัวเองนี้เต็มตัว ๆ อยู่ที่ไหนไม่ขาดเลย ตื่นขึ้นมาปั๊บความเพียรเป็นแล้ว ๆ จนก้าวเข้ามาสู่มหาสติมหาปัญญา กิเลสมองแทบไม่เห็นนะ ถึงขั้นมหาสติมหาปัญญานี้มองดูกิเลสทั้ง ๆ ที่มีอยู่เหมือนไม่มีนะ เพราะอำนาจของมหาสติมหาปัญญารุนแรงมาก โผล่ไม่ได้...ขาดสะบั้นเลย

นั่นเห็นไหม ?...เวลาธรรมมีกำลัง กิเลสโผล่ไม่ได้ ขาดสะบั้นไปเลย แต่เวลากิเลสมีกำลัง.. สติตั้งขึ้นมาปั๊บก็ล้มผล็อยขาดสะบั้น เข้าใจไหม ? สติปัญญาขาดสะบั้น กระแสกิเลสฟาดเอาขาดสะบั้น ทีนี้พอเราฝึกซ้อมจิตใจของเราให้สติดี ความเพียรดีแล้ว เข้าไปถึงขั้นสติปัญญาอัตโนมัติแล้ว กิเลสก็ขาดสะบั้น มันแก้กันอย่างนั้น เห็นอยู่ในหัวใจของเรา ยิ่งเป็นมหาสติมหาปัญญาด้วยแล้ว กิเลสมองดูแทบไม่มีนะ มันว่างไปหมด...แทบไม่มี แต่ดีที่ไม่เคยสำคัญตนว่าได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่กิเลสส่วนละเอียดยังมีอยู่ ไม่เคยสำคัญ ถ้ามีอยู่ละเอียดก็ยอมรับว่ามี ๆ อยู่อย่างนั้น

บางทีถึงได้คิดขึ้นมาว่า หือ.. มันเป็นยังไงกิเลส มันม้วนเสื่อไปหมดแล้วเหรอ ! ไม่ใช่เป็นพระอรหันต์น้อย ๆ ขึ้นมาแล้วเหรอ ! ว่าเฉย ๆ แต่ยังไม่ได้สำคัญตนว่าเป็นอรหันต์น้อย เพราะตอนนั้นมันว่าง.. กิเลสไม่โผล่ อำนาจของสติปัญญามันรุนแรง จากนั้นพอกิเลสขาดสะบั้นลงไปจริง ๆ แล้ว สันทิฏฐิโก ขั้นสุดยอดมาพร้อมกันเลย ทีนี้อรหันต์น้อยอรหันต์ใหญ่ไม่ถามถึงเลย อรหันต์น้อยก็ไม่มี อรหันต์ใหญ่ก็ไม่มี มีแต่สันทิฏฐิโกขั้นสุดยอดในจิต นั่นละ..บริสุทธิ์แล้วเป็นธรรมธาตุ ผางขึ้นมาทีเดียวหมดเลย

จากนั้นแล้วไม่ได้รบละ จะรบกับกิเลสตัวไหน เป็นสัญญาอารมณ์กับอะไรบ้าง คือธรรมดาจิตนี้จะมีข้าศึกเต็มตัวอยู่ตลอดเวลา จะหมุนของมันอยู่นั้นละ หมุนอยู่นี้คืออะไร ? คือสมุทัย อวิชชา ปัจจยา มันหมุนมันดันออกมาให้คิดเป็นสังขารสัญญาอารมณ์ไปเรื่อย ๆ ทีนี้พอดีเข้าไป ๆ จนกระทั่งกำลังวังชาของอวิชชาอ่อนลง ๆ สัญญาอารมณ์ที่หลอกลวงเบาเข้าไป ๆ แทบไม่มี ๆ สุดท้ายก็ไปมีอยู่ที่จิต มีก็มีอย่างเบาบางที่สุด ทีนี้พอ สันทิฏฐิโก ขั้นสุดท้ายโผล่ขึ้นมาเท่านั้นละ เหล่านี้ขาดสะบั้นไปหมด จากนั้นมาแล้วไม่มีอะไรกวนใจ เห็นได้ชัดเจนว่า โอ๊ะ.. โลกอันนี้วุ่นเพราะกิเลส มีกิเลสเท่านั้นเป็นตัวยุ่ง พอกิเลสขาดจากใจแล้วไม่มีอะไรยุ่งเลย

พระอรหันต์ท่านไม่ยุ่ง.. หมด ที่ท่านแสดงไว้ว่า วุสิตัง พรัหมจริยัง กตัง กรณียัง นาปรัง อิตถัตตายาติ พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจอื่นที่จะทำให้ยิ่งกว่านี้ไม่มี ก็คืองานอันใหญ่หลวง งานวัฏวนงานวัฏจักรคืองานฆ่ากิเลส เมื่อกิเลสได้ขาดสะบั้นลงไปแล้วเรียกว่างานอันใหญ่หลวงนี้เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว นี้เป็นงานที่ควรทำ เป็นงานที่ควรชำระให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย กตัง กรณียัง กิจที่ควรทำก็คือการถอดถอนกิเลสได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจอื่นที่ยิ่งกว่านี้ไม่มี กิจสำคัญก็คือกิจถอดถอนกิเลส ตั้งแต่นั้นมากิเลสไม่มี

พระอรหันต์ไม่มีกิเลสตัวใดที่จะมาแทรก ตั้งแต่ที่ขาดสะบั้นลงไป เป็นอกุปธรรมทันทีทันใด แล้วก็ไม่มีข้าศึกอีกเลย อดีต.. อนาคต.. ลบหมด อดีตที่เคยเป็นมาให้วิตกวิจารณ์ ดีใจเสียใจเพราะความเป็นมาของตัวเองก็ไม่มี แล้วข้างหน้าเราจะไปเกิดในภพใดชาติใด จะไปได้รับความทุกข์ความทรมานในนรกหลุมไหน ๆ หรือจะไปสวรรค์ชั้นพรหม.. หมด ขาดสะบั้นไปหมด ปัจจุบันก็รู้เท่าหมดแล้วจ้าไป นั่นเรียกว่าสมมุติหมด อดีตอนาคตปัจจุบันเป็นสมมุติทั้งมวลขาดสะบั้นลงไป ท่านทรงแต่บรมสุข.. ที่เรียกว่านิพพานเที่ยง เที่ยงอยู่ที่ใจซึ่งหมดสิ่งรบกวนคือกิเลส ไม่มีอะไรเหลือแล้ว นั่นละนิพพานเที่ยงอยู่ที่ใจของผู้ปฏิบัติบำเพ็ญ ใครขี้เกียจขี้คร้านแล้วแบกแต่กองทุกข์ ผู้ใดมีความขยันหมั่นเพียร ไม่หยุดไม่ถอยจะมีวันเบาบางไปเรื่อย ๆ นะ...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2018 เมื่อ 01:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา