ชื่อกระทู้: การฝึกทิพโสต
ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 29-03-2010, 11:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,781 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่นั่นช่วงตีสามครึ่งจะต้องเตรียมพร้อม เพราะว่าตีสี่เขาจะตีระฆังเพื่อเข้าสู่วงจรในการปฏิบัติ พระครูน้อยตื่นสายไปหน่อย เกือบจะตีสี่แล้ว แต่งตัวไม่ทัน รีบเข้าห้องน้ำ คว้าขันจะล้างหน้า นกที่ตื่นแล้วร้องว่า "สายแล้ว ๆ ๆ" พระครูน้อยบอกว่า "รอกูล้างหน้าก่อนสิวะ.."

วิสัยเดิมของท่านมีอยู่ คือความเป็น
นิรุกติปฏิสัมภิทา ถ้าจิตสงบได้ที่ จะสามารถฟังภาษาคน ภาษาสัตว์รู้เรื่อง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะปรากฏขึ้นเอง แต่ถ้าหากคนที่ไม่มีพื้นฐานเก่าลักษณะอย่างนี้ ทำไปเป็นแสนชาติก็ยังไม่ได้เลย

ถาม : แล้วที่บอกว่า ปฏิบัติไปแล้วจะมีสัมผัสความเป็นทิพย์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่หนูไม่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างคนอื่นเขา นี่แสดงว่าไม่มีพื้นฐานเก่า ?
ตอบ : เราลองมานึกดูว่า แม้แต่ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าท่านก็ตั้งพระที่มีความสามารถต่างกัน ตอนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระที่อยู่กับพระพุทธเจ้าตอนนั้นเป็นพัน ๆ รูป ก็มีแค่พระอนุรุทธองค์เดียว ที่สามารถติดตามได้ว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าดำรงจิตอยู่ในสภาวะไหน ก็แปลว่าไม่ใช่จะได้กันทุกคน

แม้กระทั่งพระโมคคัลลาน์เห็นกากเปรตและอหิเปรต ท่านก็ยิ้ม พระลักขณะถามว่า "ท่านยิ้มอะไรหรือ ?" พระโมคคัลลาน์ท่านก็บอกว่า "ให้ไปถามเราต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า"

เมื่อเข้าเฝ้าต่อเบื้องพระพักตร์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังจากที่กราบไหว้ปฏิสันถารกันเรียบร้อยแล้ว พระลักขณะก็ถามว่า "ดูก่อน..โมคคัลลาน์ ที่ท่านกล่าวตอนอยู่ที่เขาคิชฌกูฏว่า ให้ถามต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า ว่าท่านยิ้มเพราะอะไร บัดนี้เราขอถามว่าท่านยิ้มเพราะอะไร ?" พระโมคคัลลาน์จึงได้กล่าวว่า "เพราะเห็นเปรตที่อยู่ในร่างของอีกา กับเปรตที่อยู่ในร่างของงูโดนไฟลุกท่วมอยู่"

พระพุทธเจ้าทรงตรัสรับรองว่า "ที่โมคคัลลานะกล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว เปรตทั้งสองนี้ แม้ในวันที่บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตถาคตก็เห็นแล้ว แต่ที่ไม่ได้กล่าวถึงเพราะไม่มีพยาน ในเมื่อโมคคัลลานะได้กล่าวถึงเป็นพยานได้ ตถาคตขอรับรองว่าสิ่งที่โมคคัลลานะกล่าวมานั้นถูก"

จะเห็นว่าไม่ใช่ทุกคนทั้งหมดจะเห็น แต่ว่าที่ทุกคนเป็นเหมือนกันหมดก็คือความเป็นพระอริยเจ้า โดยเฉพาะความเป็นพระอรหันต์ ก็แปลว่าจบปริญญามาเหมือนกัน แต่คนนี้อาจจะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คนนี้ได้เกียรตินิยมอันดับสอง คนนั้นไม่ได้อะไร แค่จบเฉย ๆ ส่วนคนนั้นอาจารย์ต้องถีบให้จบด้วย เราต้องเห็นว่า ความสามารถของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จงยินดีและพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่ แล้วจะมีความสุข


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงเช้า ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2014 เมื่อ 16:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา