ดูแบบคำตอบเดียว
  #8  
เก่า 16-07-2009, 23:58
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,453 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

ถ้ารู้ระมัดระวังรักษาอารมณ์ใจอย่างนี้เอาไว้ได้ กดกิเลสเอาไว้อย่างนี้ตลอดเวลา ก็เหมือนกับหินที่ทับหญ้า ทับไปนาน ๆ หญ้าก็ตายหมดไปเอง นี่คือตัวมโนมยิทธิที่หลวงพ่อต้องการให้พวกเราปฏิบัติ ที่หลวงพ่อเคี่ยวเข็ญ สั่งสอนเรามาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี การใช้ที่ถูกต้องเขาใช้กันอย่างนี้ เท่าที่อาตมาดูมา ส่วนใหญ่ใช้ผิดหมด ในเมื่อใช้ผิด ก็จะมีแต่โทษมากกว่าประโยชน์ทั้งนั้น แทนที่จะรู้เพื่อละ ก็รู้เพื่อหลง เพื่อยึด เพื่อติด แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่เรารู้เป็นการรู้ในปัจจุบัน ในอนาคตสิ่งเหล่านั้นก็เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยเฉพาะหน้าได้

ดังนั้น..คำทำนายหลาย ๆ อย่าง เมื่อถึงวาระถึงเวลา เมื่อมีปัจจัยเฉพาะหน้ามาก็เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่น บอกว่าเมื่อเดือนมิถุนายนนี้จะดี แต่ถ้าหากว่าทั้งหมดรามือเสียจากการทำดี ปล่อยให้ความชั่วเข้ามาครอบงำจิตใจ กำลังของความชั่วมีสูงกว่า ถึงวาระถึงเวลาก็ไม่ดีไปตามนั้น ดังนั้น กระทั่งความเป็นทิพย์ ความรู้ เหล่านี้ก็ยังไม่เที่ยง เราจะไปยึดถือมั่นหมาย เชื่อปักลงไปว่าจะเป็นดั่งนั้นดั่งนี้นั้นไม่ได้
เพียงแต่เอาเป็นแนวทางไว้คอยระมัดระวังเท่านั้น


รู้..ต้องรู้อย่างคนมีสติ ใช้..ต้องใช้อย่างคนมีปัญญา สติกับปัญญาเป็นของคู่กัน ถ้าสติเกินปัญญา จะเป็นคนไม่กล้าทำอะไรจด ๆ จ้อง ๆ ขี้กลัว ขี้ระวังจนเกินไป ถ้าปัญญาเกินสติก็จะบุ่มบ่าม โฉ่งฉ่างจนกระทั่งพลาดได้ง่าย สติกับปัญญาจะต้องไปพร้อม ๆ กัน ไปเท่า ๆ กันธรรมะจึงจะเจริญ


กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับปฐมฤกษ์
เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2013 เมื่อ 15:34 เหตุผล: เพิ่มที่มา
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 67 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา