"มีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่งเคยพูดเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว เขาบอกว่าตั้งแต่เลือกตั้งมา "กูเห็นแต่นักการเมืองมีแต่เหี้ยกับเหี้ยมาก" จะว่าเขาพูดแรงไปก็ใช่ แต่บรรยายลักษณะการเมืองได้ดีที่สุด
นั่นเกิดจากพื้นฐานจิตใจที่ไม่มั่นคง เมื่อไม่มี ศีล สมาธิ ปัญญา ในระดับที่รักษาตัวเองได้ ถ้าตกลงไปในกระแส รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นมา ก็ไขว่คว้าหา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ใส่ตัวเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะเมื่อก้าวไปในที่สูง ถ้าไม่ใช่คนที่ตรงไปตรงมาจริง ๆ ก็อยากจะฟังแต่เรื่องที่ดี ๆ
ถ้าบอกว่าเศรษฐกิจไม่ไหว ประชาชนจะอดตายแล้ว เดี๋ยวท่านโกรธแย่เลย ก็ต้องบอกว่าเศรษฐกิจดี เศรษฐกิจดีประสาอะไร ? ชาวบ้านขายของไม่ได้...เจ๊งกันระนาว
ถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์จีน พระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ถือว่าเป็นมหาราชของจีน ได้ตั้งขุนนางทัดทาน พระราชทานป้ายทองนิรโทษให้ ทำผิดขนาดไหนโทษก็ไม่ถึงประหารชีวิต แล้วขุนนางผู้นี้ก็กล้าค้านทุกเรื่อง เพียงแต่ว่าเป็นคนที่ค้านอย่างมีหลักการ ชี้ให้เห็นว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะดี ถ้าทำแบบนี้แล้วจะเสีย ถ้าผลดีมีมากกว่าผลเสียก็ทำได้ ถ้าผลดีมีน้อยกว่าผลเสียก็ยกเลิกโครงการไป
ขนาดนั้นพอช่วงท้าย ๆ รัชกาล ไปโดนขุนนางประจบสอพลอมาก ๆ เข้า พระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ก็เลิกถามขุนนางทัดทาน ไม่ยกเลิกตำแหน่ง แต่เลิกปรึกษา ก็เลยทำเอาตอนท้ายรัชกาลนี่รู้สึกว่าการบริหารแผ่นดินจะตกลงไปอีกระดับหนึ่ง
อยู่นาน ๆ ไป ถึงเวลา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามา ก็เริ่มอยากจะฟังแต่สิ่งที่ดี ๆ เท่ากับปิดหูปิดตาตัวเอง ในเมื่อปิดหูปิดตาตัวเอง ถึงเวลาไม่รู้ความจริง การบริหารประเทศก็ผิดพลาด"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2017 เมื่อ 22:30
|