ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 29-04-2016, 15:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,323 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หรือจะดูในส่วนของวิปัสสนาญาณ ๙ ก็ได้ เพียงแต่ให้เห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ให้สภาพจิตของเรายอมรับให้ได้ ไม่ว่าจะดูการเกิดการดับก็ดี ดูเฉพาะการดับคือเสื่อมสลายไปทุกอย่างก็ดี ดูว่าเป็นโทษเป็นภัยก็ดี ดูว่าเป็นของน่ากลัวก็ดี พยายามเห็นให้ได้ว่าร่างกายของเรามีสภาพเช่นนั้น จิตจะได้เบื่อหน่าย คลายกำหนัด ปราศจากความต้องการในร่างกายนี้อีก เมื่อไม่มีความต้องการในร่างกายของตนเอง ก็ย่อมไม่ต้องการร่างกายของคนอื่นไปโดยอัตโนมัติ

เมื่อท่านทั้งหลายพินิจพิจารณาไป สมาธิจิตจะดิ่งลึกลงไปเรื่อย จนกระทั่งกลายเป็นสมาธิภาวนาอีกครั้ง เราก็หันมาจับลมหายใจภาวนาของเราต่อไป เมื่อภาวนาไปจนสุด ไปต่อไม่ได้ กำลังใจเริ่มคลายออกมาก็มาพิจารณาใหม่ ให้ทำสลับกันไปสลับกันมาอย่างนี้ถึงจะมีความก้าวหน้า เหมือนคนที่ขาติดกันต้องสลับกันก้าว ถึงจะได้ระยะทางเพิ่มขึ้น

ดังนั้น...ในส่วนที่ท่านทั้งหลายพึงจะพิจารณาศึกษาเอาไว้ ก็คือส่วนของวิปัสสนาญาณ เพราะว่าเรามีความคล่องตัวในส่วนของสมถกรรมฐานกันแล้ว และส่วนมากก็จะถนัดในสมถกรรมฐานอย่างเดียว พินิจพิจารณาไม่เป็น ดังนั้นถ้าหากว่าจะเอาให้ง่ายก็ให้ดูไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง ยึดถือมั่นหมายก็มีแต่ความทุกข์ ในที่สุดก็สลายไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-04-2016 เมื่อ 19:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา