ดูแบบคำตอบเดียว
  #12  
เก่า 04-03-2019, 01:26
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 442
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,889 ครั้ง ใน 1,594 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

พูดถึงเรื่องหล่อพระ "หล่อออกมา ๒ องค์แล้วสถานการณ์บ้านเมืองจะดีขึ้นเรื่อย ๆ พอองค์ที่ ๓ ก็เริ่มเงยหน้าอ้าปากได้แล้ว"

ถาม : ขโมยยกไปไม่ไหว ?
ตอบ : เป็นเรื่องยากมาก มั่นใจว่าถ้าเป็นยุคหลังนี่ ก็คงเป็นวัดท่าขนุนที่สร้างพระทองคำองค์ใหญ่ที่สุด ส่วนใหญ่ก็ทำกันเล็ก ๆ ๕ นิ้ว ๙ นิ้ว เล่นกันที ๒๑ นิ้ว น้ำหนัก ๑๐๐ กว่ากิโลกรัมไม่ใช่เรื่องง่ายนะ

แล้วที่สงสัยมาตั้งแต่แรกก็คือโครงการหลายปี กราบเรียนถามหลวงพ่อ กราบเรียนถามพระท่านว่า ถ้าหากว่าเราได้ทองครบก่อน จะทำก่อนได้ไหม ? ท่านบอกว่าไม่ได้ เพราะว่าองค์นี้ทำขึ้นมาเพื่อค้ำจุนสถานะของประเทศที่ตกต่ำ ต้องเป็นช่วงนั้นถึงจะดีขึ้น ผิดวาระไปก็ไม่มีประโยชน์ พอทำแล้วก็เลยเถิดกลายเป็นหลวงพ่อ ๓ กษัตริย์ไปเลย

จังหวัดกาญจนบุรีไม่มีพระสำคัญชนิดที่คนเขารู้จักกันทั่วประเทศ มีพระพุทธนวราชบพิตรก็เก็บเงียบอยู่ที่ศาลากลางจังหวัด ร้อยวันพันปีจะหลุดออกมาที แล้วก็ไม่ได้ประกาศเป็นสาธารณะ พระพุทธนวราชบพิตรออกมา ๒ ครั้งล้วนแล้วแต่งานหลวง ก็คือเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์ถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙

อีกองค์หนึ่งคือหลวงพ่อดำ วัดตะคร้ำเอน ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในจังหวัด พอออกไปจังหวัดอื่นก็ไม่รู้แล้ว ถ้าเราสร้างหลวงพ่อทองคำขึ้นมา เมื่อคนรู้จักกันมากขึ้น ต่อไปก็กลายเป็นแหล่งเที่ยวอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดได้

ปัจจุบันนี้วัดท่าขนุนเป็น ๑ ใน ๙ วัดที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแนะนำให้ว่า ไปไหว้พระ ๙ วัดที่จังหวัดกาญจนบุรี คราวนี้ถ้าเราสร้างพระเงิน พระนาก พระทองคำเสร็จ การท่องเที่ยวช่วยโฆษณากลายเป็นแหล่งเที่ยว จะสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นอีกเยอะ ทำแล้วประโยชน์ได้แก่คนส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่น่าทำ

ส่วนของพวกเราก็ได้ในส่วนของบุญกุศล เรื่องของพุทธานุสติ หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกแล้วว่า การสร้างสมเด็จองค์ปฐม ถ้าไม่ทำอนันตริยกรรมนี่ลงอบายภูมิยาก พระยายมราชจะพยายามช่วยสุดชีวิต ถ้าเอ็งลงได้ ถือว่าเซียนจริง ๆ ขนาดเซ่นพัสดีใหญ่แล้วยังลงได้อีกก็สมควรแล้ว...!

แต่ว่าสมเด็จองค์ปฐมทองคำจะหล่อเป็น ๒ องค์ องค์แรกจะดูว่าใช้โลหะอะไรถึงเหมาะสม เพราะว่าต้องมีการแห่ทุกปี ก็คือเมื่อสร้างแล้วจะจัดงานสมโภชแห่กันทุกปี เท่ากับว่าเป็นการโฆษณาการท่องเที่ยวด้วย คราวนี้เท่าที่ดูไว้ก็น่าจะเป็นช่วงลอยกระทง แต่ว่าทองผาภูมิจะมีงานถนนคนนั่งยองส่งท้ายปี ก็อาจจะไปร่วมกันช่วงนั้นอีกก็ได้ ได้คุยกับทางนายกเทศมนตรีล่วงหน้าไว้หลายปีแล้ว พอถึงเวลาแล้วเป็นชื่อเสียงของอำเภอเรา ทางวัดสร้างพระทองคำ ทางเทศบาลช่วยจัดขบวนแห่ก็แล้วกัน

ปรากฏว่าปัจจุบันอาตมาเองเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ กลายเป็นงานของสภาวัฒนธรรมก็ได้ ฉะนั้น...ในส่วนของงบประมาณก็สามารถที่จะสั่งจ่ายได้ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น ลงตัวขึ้น ถ้าปีไหนสนุกขึ้นมาก็เลิกแห่ด้วยรถ ไปเช่าช้างสัก ๙ เชือก ๑๐ เชือกมาแห่กัน

ของพวกนี้บางอย่างเราต้องสร้างจุดขายขึ้นมาเอง แม้ว่าในเรื่องของพระพุทธศาสนาก็เหมือนกัน บ้านเราเมืองเราพระพุทธศาสนาอยู่ในลักษณะตั้งรับมาตลอด ก็คืออยู่แต่ในวัดให้คนไปหา ทำอย่างไรที่เราจะดึงให้คนเข้าวัดโดยอัตโนมัติได้ ถ้าไม่สามารถออกไปหาเขาได้ ก็ต้องหาทางดึงเขาเข้าวัดมาให้ได้


อ้างอิงจาก...เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๑

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-03-2019 เมื่อ 02:40
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา