ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 12-09-2013, 06:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,614
ได้ให้อนุโมทนา: 151,817
ได้รับอนุโมทนา 4,413,171 ครั้ง ใน 34,204 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๖

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ในเรื่องของการปฏิบัติกรรมฐานนั้น ส่วนสำคัญที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ เราต้องรักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่อง ส่วนใหญ่แล้วอารมณ์ในการปฏิบัติของเราที่ไม่ต่อเนื่อง จึงทำให้รัก โลภ โกรธ หลงตีกลับ ทำให้การปฏิบัติของเราถดถอย

อาตมาเองในสมัยก่อนที่ปฏิบัติ ก็เป็นเช่นเดียวกับโยมทั้งหลาย ก็คือตอนเช้าภาวนาเต็มที่ เสร็จแล้วก็ทิ้งไปเลย ปรากฏว่าสามารถทรงอารมณ์ได้ประมาณชั่วโมงกว่าสองชั่วโมงก็พัง เพราะว่าการประกอบกิจการงานต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ต้องมีการกระทบกระทั่งกับผู้อื่นอยู่เสมอ ครั้นจะมาภาวนาอีกทีหนึ่งก็ต้องเป็นเวลาก่อนนอน ซึ่งบางทีก็ไม่สามารถที่จะภาวนาให้ดีได้ เพราะว่าเหนื่อยกับงานมาทั้งวันแล้ว

เพียงแต่ว่าอาตมาเป็นคนช่างสังเกต ก็มาคิดว่า ในเมื่อเราภาวนาช่วงเช้าแล้วกำลังไม่เพียงพอที่จะทรงตัวอยู่ได้ทั้งวัน ก็ควรที่จะเพิ่มช่วงกลางวันขึ้นมาด้วย ก็อาศัยช่วงเวลาพักเที่ยง หลังจากกินอาหารเรียบร้อยแล้วก็เข้าสู่ที่ภาวนา ก็ทำให้สามารถรักษากำลังใจต่อเนื่องมาได้อีก แต่ก็ได้ไม่ถึงตอนเย็น จึงต้องอาศัยภาวนาตอนเย็นเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าส่วนใหญ่ตอนเย็นเราทำการทำงานมาทั้งวันแล้ว ความเหนื่อยความเพลียย่อมปรากฏ จึงต้องใช้วิธีง่าย ๆ กำหนดใจคิดว่า เรานอนลงไปแล้วก็มีลักษณะเหมือนกับคนตาย ถ้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นพระอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้นก็ช่างเถอะ เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว แล้วจับภาพพระภาวนาไปจนกระทั่งหลับ

ในเมื่อร่างกายได้พักผ่อนมาทั้งคืน การปฏิบัติในช่วงเช้าจึงเป็นช่วงที่สำคัญที่สุด เราต้องกอบโกยให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้พอกินพอใช้ทั้งวัน โดยเฉพาะว่ากำลังใจของเรานั้น จะรับความดีหรือความชั่วได้ทีละอย่างเดียวเท่านั้น ในเมื่อช่วงเช้าได้สติรู้ตัวขึ้นมา รีบเอาความดีคือการเจริญภาวนาเข้าไป ความชั่วต่าง ๆ ก็เข้าไปไม่ได้ เพราะสภาพจิตเสวยอารมณ์ก็รับอารมณ์เดียวเท่านั้น เมื่อเรานำความดีเข้าไป รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะมากินใจของเรา สภาพจิตก็มีความผ่องใส และประคับประคองไปจนถึงกลางวันก็ปฏิบัติภาวนารอบใหม่ ไปถึงตอนค่ำปฏิบัติภาวนาอีกรอบหนึ่ง กำลังก็พอที่จะอาศัยได้

เหมือนกับเราจุดเทียนตอนช่วงเช้าหนึ่งดวง แสงอาจจะสาดส่องมาไม่ถึงช่วงกลางวัน แต่เราจุดเทียนในช่วงกลางวันหนึ่งดวง แสงสอดประสานกับช่วงเช้า สามารถคลุมพื้นที่ได้เต็มแต่ไม่ถึงช่วงเย็น ก็ต้องมาจุดเทียนตอนช่วงเย็นอีกหนึ่งดวง เพื่อให้แสงสว่างประสานกับช่วงกลางวัน คลุมพื้นที่ตั้งแต่กลางวันถึงเย็นได้ แต่ก็จะไปพลาดท่าในตอนกลางคืนอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2013 เมื่อ 10:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา