ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 24-07-2015, 13:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,511
ได้ให้อนุโมทนา: 151,404
ได้รับอนุโมทนา 4,405,949 ครั้ง ใน 34,100 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...เราจึงต้องพยายามสร้างเสริมศีล สมาธิ ปัญญาของเราให้สมบูรณ์บริบูรณ์ เพื่อที่จะได้รู้เท่าทันลีลาของมาร ซึ่งคอยจะยั่วให้กำหนัด ล่อให้หงุดหงิด ลวงให้หลงผิดอยู่เสมอ สิ่งที่เรานำมาสอบเราก็มีแค่ ๔ ข้อ คือรัก โลภ โกรธ หลง เพียงแต่ว่าข้อสอบนั้นแตกแขนงออกไปเป็นล้าน ๆ แล้วก็ยิ่งละเอียดประณีตขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระดับจิตของเรา เมื่อเราสั่งสมศีล สมาธิ ปัญญาของเราเพียงพอ ก็จะก้าวเข้าไปสู่ในระดับที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “มารไม่สามารถที่จะมองเห็นได้”

เอาแค่เราสามารถทรงฌานสมาบัติ ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปแบบแน่วแน่และมั่นคง ตราบใดที่เราไม่หลุดออกมา มารก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ เหตุที่มารมองไม่เห็นเพราะว่าอำนาจของฌานสมาบัตินั้น ได้ทำลายบริวารของมารทั้งหลาย คือรัก โลภ โกรธ หลงให้ดับลงไปชั่วคราว ในเมื่อไม่มีบริวารคอยรายงาน มารก็ไม่รู้ว่าเราเป็นใคร เราทำอะไร จนกว่ากำลังของเราจะคลายลงพ้นจากอำนาจของฌานสมาบัตินั้น ๆ ก็จะโดนมารครอบงำได้อีก

เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจึงควรจะใช้กำลังสมาธิสมาบัติทั้งหลายเหล่านั้น เกาะภาพพระหรือเกาะพระนิพพานเป็นปกติ ตราบใดที่จิตใจของเราจดจ่ออยู่กับภาพพระหรืออยู่บนพระนิพพาน มารก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายเราได้

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2015 เมื่อ 14:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา