ดูแบบคำตอบเดียว
  #517  
เก่า 13-07-2020, 14:00
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ยุควัดป่าบ้านตาด
(พ.ศ. ๒๔๙๙ – ๒๕๕๔)

ตั้งแต่องค์หลวงตาสร้างวัดป่าบ้านตาด พระเณรก็เริ่มหลั่งไหลมาอยู่ศึกษากับท่านมากขึ้น ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในระยะแรก ท่านจำกัดจำนวนพระเณรจำพรรษาไว้เพียง ๑๗ – ๑๘ องค์ และคงจำนวนไว้เช่นนั้นหลายปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ มาจนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๙ – ๒๕๒๐

ครั้นออกพรรษา จะมีพระเณรอาคันตุกะจำนวนมาก.. สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาพักชั่วคราว หากพระแก่ขยับขยายออกไปแล้วไม่กลับมาก่อนวันวิสาขบูชา พระเณรอาคันตุกะเหล่านี้ก็จะเข้าจำพรรษาแทนที่กันต่อไป โดยมากจะถือเกณฑ์เรียงลำดับมาก่อนหลังเป็นหลัก ระยะต่อมาเมื่อครูบาอาจารย์องค์สำคัญ ๆ ล่วงลับไป พระเณรจำนวนมากไม่มีที่เกาะที่ยึด องค์ท่านก็อนุโลมผ่อนผันรับพระเข้าจำพรรษามากขึ้น ดังนี้
“... บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายที่ไปอบรมอยู่วัดป่าบ้านตาดทั่วประเทศไทย.. ไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าพูดตามความสัตย์ความจริงแล้ว หลวงตาบัวนี้มีลูกศิษย์ฝ่ายพระนี้มากที่สุด .. เราไม่อยากรับพระรับเณรก็ดังที่ว่านี่แหละ รับเป็นภาระแล้ว.. ดูแลแนะนำสั่งสอนตลอดเลย กลางค่ำกลางคืนต้องออกไปสังเกต ดูพระดูเณรประกอบความพากเพียรอย่างไรหรือไม่ ตั้งหน้าตั้งตามา.. มาแล้วมาอยู่ยังไง เคยไล่ออกจากวัดหลายองค์นะ ที่มารับไว้แล้ว.. มาแล้วไม่เป็นท่าซิ นอนไม่รู้จักตื่น เวลานอนยังไม่ถึง ๔ ทุ่มเลย.. นอนหลับครอก ๆ แล้ว ‘เอ๊.. มันยังไงกัน’


นั่น เอาละนะ พอเที่ยงคืนไปดูอีกแล้ว ตี ๓ – ๔ ไปดูอีก วันหลังสังเกตอีก ก่อนที่จะไล่ออกจากวัด.. ไม่ใช่ไล่เฉย ๆ นะ ทดสอบดูรู้นิสัย จริตนิสัยขี้เกียจขี้คร้าน ท้อแท้ อ่อนแอ หรือขยันหมั่นเพียร.. หมดเรียบร้อยแล้ว ที่ไล่ออกจากวัดก็ผู้ขี้เกียจ ไปดูจับเอาทุกระยะ ๆ แน่ใจแล้วบอกเลย.. ท่านให้ไป ไม่มีมาคัดค้านเรา เราจับได้หมดแล้ว เพราะฉะนั้น จึงไม่อยากรับพระรับเณร รับมาก็เป็นภาระ

ปีแรกมาอยู่นี่ ๑๒ องค์ เรารับจำกัด ๑๘ องค์ ... อย่างวัดนี้อย่างมากที่สุด ไม่เลย ๑๘ องค์.. เรียกว่ามากที่สุด ตอนนั้นมีครูบาอาจารย์หลายองค์ท่านยังมีชีวิตอยู่ พระเณรทั้งหลายก็ได้ไปอาศัยอยู่กับท่าน ๆ .. ทีนี้พอองค์นั่นล่วงไป องค์นี้ล่วงไป.. ก็ไหลเข้ามาหาเรา จาก ๑๘ รับ ๒๐ จาก ๒๐ เตลิดเลยเป็น ๕๐ กว่าตลอดมา ครูบาอาจารย์แต่ก่อนอย่างหลวงปู่ขาว.. พระเณรก็ไปเต็มอยู่นั่น หลวงปู่ฝั้น.. เต็มอยู่นั่น หลวงปู่อ่อน เหล่านี้เต็มทั้งนั้นล่ะ พอองค์นั่นล่วงไป องค์นี้ล่วงไป.. ไหลเข้ามา ๆ .. ไม่มีที่ยึดที่เกาะก็ไหลเข้ามาละซิ จึงได้รับเพิ่มขึ้น รับพระรับเณรเป็นภาระหนักมากอยู่นะ รับต้องรับผิดชอบทุกอย่างด้วย สังเกตสังกา แนะนำสั่งสอน จึงไม่รับง่าย ๆ ...”

เทศนาเมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙ แสดงถึงความเมตตาศิษย์เป็นล้นพ้น แม้จะชราภาพมากอายุจวนจะ ๙๓ ปีแล้วก็ตาม ท่านยังสู้อุตส่าห์ออกเดินตรวจตรา ดูทางจงกรม ดูความพากเพียร ของพระของเณรในยามค่ำคืนดึกดื่น ดังนี้
กลางคืนผมเดินดู ไม่เห็นพระลงเดินจงกรม กลางคืนเงียบ ๆ ไม่เห็นนะ นี่พึ่งมาพูดวันนี้ ไปดูเป็นประจำนะ ท่านทั้งหลายว่าผมไม่ไปดูเหรอ มันขี้เกียจอะไรนักหนา ถ้าขี้เกียจให้หนีจากวัดนี้.. อย่าอยู่ นี่ไปเที่ยวเดินดูหมด กลางค่ำกลางคืนไม่เห็นพระออกมาเดินจงกรม.. หย็อก ๆ แหย็ก ๆ เลย ท่านทั้งหลายว่าผมไม่ดูเหรอ ผมไปดูตลอดนะ นี่ล่ะ.. วันนี้ออกพูดเสียบ้าง นาน ๆ พูดทีหนึ่ง ๆ


นี่ล่ะ .. การปกครองหมู่เพื่อน รับหมู่เพื่อน.. รับจริงรับจัง แนะนำสั่งสอน สังเกตสังกาทุกแง่ทุกมุม.. ให้พากันเอาจริงเอาจัง อย่ามาเหลาะแหละให้เห็น ตั้งแต่ดูธรรมดานี้ก็ขวางตาพอแล้ว แบบหลับหูหลับตาไปกับหมู่กับเพื่อน นี่ไม่ได้คุยนะ ความเพียรดูหมู่เพื่อนดูไม่ได้ ถ้าเราทำอย่างนี้ เราก็ตายไปนานแล้วแหละ นี่ไม่ได้ทำอย่างนี้”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-07-2020 เมื่อ 20:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 7 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
ภาวนามัย (25-04-2024), สุธรรม (13-07-2020)